โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) แสดงความกังวลว่า ภาวะปิดประเทศ หรือ Lockdown ในหลายประเทศทั่วโลกอาจทำให้ความพยายามในการดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ต้องประสบปัญหาเนื่องจากการขนส่งและกระจายยาต้านไวรัสหยุดชะงัก
การศึกษาล่าสุดโดย UNAIDS ชี้ว่าผลกระทบจากคำสั่งล็อคดาวน์และการปิดพรมแดนในหลายประเทศทำให้การขนส่งยาต้านไวรัสมีปัญหาไปแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ
วินนี เบียนยิมา ผู้อำนวยการ UNAIDS กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญในเวลานี้คือการที่ประเทศต่างๆ เร่งลงมือดำเนินการบรรเทากระทบต่างๆ โดยด่วนเพื่อช่วยความเสี่ยงของปัญหาดังกล่าว
เบียนยิมา ยังเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตและผู้ซื้อยาต้านไวรัส HIV ทำการใดๆ ที่จำเป็นเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยในประเทศต่างๆ ด้วยการได้รับยาต่อเนื่อง และป้องกันการระบาดใหม่ไปพร้อมๆ กัน
UNAIDS เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโครงการกำลังประสานงานกับหุ้นส่วนทั่วโลกในการระดมทุนเพื่อใช้รองรับค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อการผลิตและขนส่งยาต้านไวรัส แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือจากรัฐบาลที่เกี่ยวข้องด้วย
ข้อมูลของ UNAIDS เมื่อปี ค.ศ. 2019 ระบุว่า มีผู้คนราว 24.5 ล้านคนทั่วโลกที่ใช้ยาต้านไวรัสอยู่ ขณะที่การหยุดชะงักของการขนส่งยาเป็นเวลา 6 เดือนอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอาการป่วยที่เกี่ยวเนื่องกับโรคเอดส์ได้ถึง 500,000 คน ในกลุ่มประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกาเพียงแห่งเดียว
