‘ไอแอลโอ’ เรียกร้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมของ 'ผู้ทำงานจากบ้าน'

FILE - Nur Afia Qistina Zamzuri, a 9-year-old girl sews personal protective equipment (PPE) for free to medical workers working in local hospitals at her home with her mother Hasnah Hud, in Kuala Pilah, Malaysia, May 5, 2020.

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ระบุว่า แรงงานหลายล้านคนที่ทำงานจากบ้านในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ต้องทำงานในสภาพการทำงานที่แย่และถูกเอาเปรียบ

ก่อนที่จะมีโรคระบาดนั้น มีแรงงานทำงานจากบ้านราว 260 ล้านคน หรือคิดเป็น 7.9 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีงานทำทั่วโลก โดย ILO คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ที่ทำงานจากบ้านในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก

ILO ระบุว่า ปัญหาที่กระทบแรงงานมักเป็นปัญหาที่มองไม่เห็นจากภายนอก เนื่องจากเเกิดขึ้นในบ้านของคนทำงานเหล่านั้น รายงานของ ILO ระบุว่า แรงงานที่ทำงานจากบ้านในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง มีความเสี่ยงที่จะพบกับปัญหามากที่สุด

รายงานระบุว่า แรงงานราว 90 เปอร์เซ็นต์ ต้องทำงานในบริเวณที่จำกัดภายในบ้าน เพื่อผลิตสินค้าที่ไม่ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ เช่น เสื้อผ้า งานหัตถกรรม และงานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

จานีน เบิร์ก นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ILO และผู้เขียนรายงานฉบับนี้ บอกกับวีโอเอว่า แรงงานที่ผลิตสินค้าเหล่านี้มักถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่าย ไม่ได้รับการคุ้มครอง เสี่ยงที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพและความปลอดภัยจากการทำงาน เช่น งานที่อาจทำให้เกิดโรคทางกล้ามเนื้อและกระดูก พวกเขายังได้รายได้ต่ำกว่ารายได้ขั้นต่ำ และมีชั่วโมงการทำงานที่ไม่แน่นอน

รายงานฉบับนี้ยังพบด้วยว่า ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว มีพนักงานบริษัทจำนวนมากขึ้นที่ทำงานจากบ้าน รวมถึงผู้ที่ทำงานทางไกลและผู้ที่ทำงานด้านดิจิทัลจากบ้าน เบิร์กระบุว่า สภาพการทำงานของพวกเขามักแย่กว่าผู้ที่ทำงานนอกบ้าน

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสระบุว่า พนักงานบริษัทที่ทำงานจากบ้านเหล่านี้ เผชิญกับความโดดเดี่ยวทางสังคม มีความเสี่ยงที่จะมีสภาพการทำงานที่แย่ลงเรื่อย ๆ การทำงานอยู่บ้านยังทำให้แรงงานเหล่านี้มีโอกาสใช้สิทธิ์และเสียงน้อยลง เพื่อร้องเรียนเรื่องสภาพข้อจำกัดในการทำงานต่อสหภาพแรงงานหรือกับแผนกบริหารจัดการของบริษัท

รายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงซึ่งทำงานจากบ้านยังมีรายได้โดยเฉลี่ยต่ำกว่าผู้ที่ทำงานในสำนักงาน ยกตัวอย่างเช่น ในอังกฤษ ผู้ที่ทำงานทางไกลได้รับรายได้น้อยกว่าผู้ที่ทำงานในสำนักงานโดยเฉลี่ย 13 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในสหรัฐฯ ได้รับน้อยกว่า 22 เปอร์เซ็นต์ และในอินเดีย กลุ่มดังกล่าวได้รับรายได้น้อยกว่าถึงราว 50 เปอร์เซ็นต์

ILO คาดว่า การทำงานจากบ้านจะยังคงเพิ่มขึ้นแม้การระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม โดยระบุว่า จะต้องมีการประกาศใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ทำงานจากบ้าน และแนะนำให้มีการลงทะเบียนแรงงานที่ทำงานจากบ้าน และให้มีระบบติดตามสภาพการทำงานที่บ้านด้วย