รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาเชิญกลุ่มต่อต้านมาหารือทางออกสำหรับวิกฤตการเมืองภายในประเทศที่เกิดขึ้นหลังกองทัพทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
รัฐบาลกรุงปักกิ่ง คือ หนึ่งในพันธมิตรต่างชาติไม่กี่แห่งของรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งช่วยจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ และปฏิเสธที่จะออกมาประณามสิ่งที่กองทัพกระทำในการโค่นรัฐบาลของ ออง ซาน ซู จีน ลงเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนเมียนมาในเวลานี้ กล่าวว่า จีนหวังที่จะเห็นฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมา “เชื่อมั่นต่อแนวคิดการปรึกษาหารือด้วยเหตุด้วยผล” และ “มุ่งหน้าบรรลุเป้าหมายการปรองดองทางการเมือง” ด้วย
รมต.หวัง แจ้งต่อ รัฐมนตรีต่างประเทศ วุนนา หม่อง ลวิน ของเมียนมา ว่า “จีนหวังอย่างยิ่งว่า เมียนมาจะมีความมั่นคงทั้งทางสังคมและการเมือง” ตามข้อมูลจากแถลงการณ์ที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงฯ
การเดินทางเยือนเมียนมาของรมต.ต่างประเทศจีนนี้ ถือเป็นการเยือนในระดับสูงที่สุดของเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนนับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร โดย รมต.หวัง มีแผนจะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกับตัวแทนจากกัมพูชา ลาว เวียดนาม และประเทศไทยด้วย
ความเห็นของรมต.ต่างประเทศจีนนั้น มีออกมาหลังจากโฆษกของรัฐบาลทหารเมียนมาระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การหารือระหว่างกองทัพและอดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือน ออง ซาน ซู จี เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายนั้น “ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วเมียนมาอย่างต่อเนื่องทำให้ประเทศเพื่อนบ้านต่างกังวลขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องมีการส่งผู้แทนพิเศษของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเยือนกรุงเนปิดอว์ เพื่อหวังกระตุ้นให้มีการเจรจาระหว่างกองทัพและฝ่ายต่อต้านแล้ว
ทั้งนี้ หลังรัฐบาลตะวันตกเดินหน้าดำเนินมาตรการลงโทษต่อเมียนมาหลังการก่อรัฐประหารและการปราบปรามผู้ต่อต้านอย่างรุนแรง รัฐบาลทหารก็ถูกโดดเดี่ยวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนค่อย ๆ หันไปพึ่งพันธมิตร เช่น รัสเซียและจีน แทน
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านกองทัพที่เป็นชนกลุ่มน้อยของเมียนมากลุ่มหนึ่งที่สนิทชิดเชื้อกับจีน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารยอมหันมาเจรจากับฝ่ายค้านเพื่อยุติการใช้ความรุนแรงที่ยกระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนลามไปถึงผู้ประกอบธุรกิจสัญชาติจีนทั้งหลายแล้ว
รัฐบาลกรุงปักกิ่ง กล่าวเมื่อเดือนเมษายนว่า จะช่วยปกป้องอธิปไตย เอกราช และบูรณภาพแห่งดินแดน ของเมียนมา “ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใดก็ตาม”
- ที่มา: เอเอฟพี