พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ประกาศในวันอาทิตย์ว่า กองทัพเมียนมาจะทำลายล้างบรรดาผู้ต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา ในวาระครบรอบหนึ่งปีเหตุการณ์นองเลือดจากการปราบปรามผู้ประท้วงรัฐบาลทหาร
พลเอกมิน อ่อง หล่าย กล่าวระหว่างการสวนสนามประจำปีเนื่องในวันกองทัพ ซึ่งมีทั้งรถถัง ยานพาหนะบรรทุกขีปนาวุธ ทหารปืนใหญ่และทหารม้าเข้าร่วมในพิธี และมีเครื่องบินไอพ่นบินปล่อยควันยาวเป็นสีธงชาติเมียนมาเหนือท้องฟ้ากรุงเนปิดอว์
โดยผู้นำสูงสุดของกองทัพเมียนมากล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของเมียนมาราว 8,000 คนว่า จะไม่มีการเจรจาอีกต่อไป แต่จะใช้กำลังบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามจนถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน ผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารหลายสิบคนชุมนุมในนครย่างกุ้ง โดยมีการจุดพลุไฟและตะโกนถ้อยคำต่อต้านกองทัพเมียนมา พร้อมทั้งมีการรณรงค์ทางสื่อสังคมออนไลน์ให้ทุกบ้านปิดไฟเพื่อแสดงพลังประท้วงรัฐบาลทหารในช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นด้วย
องค์กรตรวจสอบในเมียนมารายงานว่า จนถึงขณะนี้ประชาชนเสียชีวิตจากการปราบปรามของทหารเมียนมาไปแล้วมากกว่า 1,700 คน นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในเมียนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
เหตุนองเลือดในวันกองทัพ
วันกองทัพเมียนมา คือวันที่รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เมียนมาลุกฮือต่อต้านการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมื่อปีที่แล้ว พลเอกมิน อ่อง หลาย ได้สั่งการให้ทหารเข้าปราบปรามประชาชนผู้ประท้วงการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลพลเรือนของออง ซาน ซู จี
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นวันที่มีการนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เกิดรัฐประหาร โดยคาดว่ามีผู้เสียชีวิตราว 160 คน และก่อให้เกิดเสียงประณามจากนานาชาติ
ในวันอาทิตย์ พลเอกมิน อ่อง หล่าย กล่าวว่า มีต่างชาติที่ไม่ประสงค์ดีกำลังทำงานต่อต้านกองทัพเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้กองทัพร่วมมือร่วมใจกันรับมือภัยคุกคามทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปและรัฐมนตรีต่างประเทศของหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย และยูเครน มีแถลงการณ์ร่วมกันเนื่องในวันกองทัพเมียนมา ขอให้ทุกประเทศช่วยกันสนับสนุนประชาชนเมียนมาด้วยการยุติการซื้อขายอาวุธกับกองทัพเมียนมาทันที ตามมติของสหประชาชาติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้กองทัพเมียนมายุติความรุนแรงต่อประชาชนและเร่งนำประเทศกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และอังกฤษ ประกาศใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจชุดใหม่ต่อเมียนมาเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีการระบุอย่างเป็นทางการว่า กองทัพเมียนมาสังหารล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮีนจาตั้งแต่ปีค.ศ.2018 เป็นต้นมา