จีนและฟิลิปปินส์ต่างกล่าวหากันและกันว่าเป็นต้นเหตุของการปะทะกันทางทะเลเมื่อวันจันทร์ ใกล้หมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้
รัฐบาลกรุงมะนิลากล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างเรือจีนกับฟิลิปปินส์เกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ พร้อมกล่าวหาว่าเรือของจีนเป็นฝ่ายที่เริ่มก่ออันตราย
แต่ทางกองกำลังชายฝั่งของจีนกล่าวหากลับว่า เรือขนส่งเสบียงของฟิลิปปินส์เริ่มกระทำการที่เป็นอันตรายด้วยการมุ่งหน้ามายังเรือของจีนและเพิกเฉยต่อคำเตือนของทางฝ่ายจีน ทำให้เกิดการชนกันบริเวณแนวปะการังเซคันด์ โธมัส โชล ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์
ด้านรัฐบาลฟิลิปปินส์มิได้ให้ความเห็นในกรณีนี้โดยตรง แต่ได้กล่าวตอบโต้คำกล่าวหาของกองกำลังรักษาชายฝั่งของจีนว่า ไม่ถูกต้องและชี้นำผิด ๆ พร้อมยืนยันว่าท่าทีอันก้าวร้าวของจีนคือสาเหตุของความขัดแย้งที่ยกระดับขึ้นในภูมิภาคนี้
ขณะเดียวกัน คณะทำงานเฉพาะกิจของฟิลิปปินส์ ระบุว่า เรือของกองทัพเรือจีนและเรือตรวจการณ์ชายฝั่งของจีนได้พุ่งชนเรือฟิลิปปินส์จนเกิดความเสียหาย "ซึ่งเป็นการกระทำที่สร้างความเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่และทำให้เรือของฟิลิปปินส์เสียหาย"
ทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ แมรีเคย์ คาร์ลสัน โพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ X ประณามการกระทำอันก้าวร้าวและอันตรายของจีน ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
แต่กระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่า การกระทำของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนครั้งล่าสุดนั้น "มีความเป็นมืออาชีพ อดทนอดกลั้น สมเหตุสมผล และถูกต้องตามกฎหมาย"
เหตุการณ์ในวันจันทร์เกิดขึ้นในขณะที่จีนเริ่มนำกฎเกณฑ์ใหม่มาใช้ในพื้นที่ที่จีนกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้กองกำลังชายฝั่งของจีนใช้กำลังรุนแรงต่อเรือต่างชาติในน่านน้ำดังกล่าวได้ รวมทั้งสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยละเมิดพื้นที่ทีจีนกล่าวอ้างอธิปไตยได้เป็นเวลา 60 วันโดยไม่ต้องมีการพิจารณาความผิด
ทางการฟิลิปปินส์ได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ด้วยการจัดหน่วยลาดตระเวนทางทะเลเพิ่มขึ้นในแถบพื้นที่ทับซ้อน เพื่อดูแลความปลอดภัยของบรรดาเรือประมงฟิลิปปินส์
- ที่มา: วีโอเอ