วิเคราะห์การทูตของจีนในเอเชีย ปี 2564 - มีทั้งบทผู้ให้และบทเเข็งกร้าว

In this photo released by Xinhua News Agency, Chinese President Xi Jinping waves as he chairs the ASEAN-China Special Summit to commemorate the 30th Anniversary of ASEAN-China Dialogue Relations via video link from Beijing, China on Monday, Nov. 22, 2021.

Your browser doesn’t support HTML5

How China Snuffed Out Threats Across Asia

จีนเผชิญความท้าทายหลายด้านตลอดปีที่ผ่านมา ตั้งเเต่โคโรนาไวรัส ความตึงเครียดเรื่องทะเลจีนใต้และไต้หวัน ตลอดจนเเรงกระเพื่อมจากสถานการณ์ตาลิบันยึดอำนาจในอัฟกานิสถาน

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซับซ้อนในเอเชียและบทบาทของมหาอำนาจตะวันตกในภูมิภาคนี้ ทางการปักกิ่งใช้เครื่องมือที่หลากหลายเพื่อรักษาอิทธิพลของตนบนเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นักวิเคราะห์มองว่า การผ่อนหนัก ผ่อนเบาของจีนช่วยลดความตึงเครียดในภูมิภาคได้บ้าง แต่สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภายในของบางประเทศทำให้เกิดความแบ่งขั้วกับโลกตะวันตกอย่างชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างหนึ่งที่เเสดงถึงความพยายามรักษาสมดุลของจีน เห็นได้จากกรณีของอาเซียนซึ่งสมาชิกหลายรายของสมาคมชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้เป็นคู่ขัดแย้งของจีนในเรื่องอธิปไตยเหนือดินเเดนในทะเลจีนใต้

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า จีนจะเป็น “มิตรที่ดีและหุ้นส่วนที่ดี” กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จีนยังได้บริจาควัคซีนให้เเก่หลายชาติในอเชียอาคเนย์และให้ความช่วยเหลือต่อโครงการระบบพื้นฐาน ที่ไปไกลมากกว่าเอเชียตะวันออกเพราะอัฟกานิสถานซึ่งมีพรมเเดนติดกับจีนก็ได้รับการเสนอให้ความช่วยเหลือจากปักกิ่งด้วยเช่นกัน

China US Afghanistan

แต่ในเวลาเดียวกัน ทางการจีนก็ผ่านกฎหมายควบคุมพรมเเดนให้สามารถให้อาวุธได้ตลอดชายเเดนทางบกของจีนที่มีระยะทางยาวกว่า 22,000 กิโลเมตร

นักวิเคราะห์อาวุโส เดริค กรอสส์เเมน แห่งบริษัท Rand Corporation ของสหรัฐฯ กล่าวว่าจีนมีเครื่องมือมากขึ้น ที่จะใช้หากต้องการลงโทษประเทศที่ไม่สนองตอบผลประโยชน์ของตน

เครื่องมือที่หลากหลายมาพร้อมกับความสัมพันธ์ที่มีหลายมิติกับประเทศในเอเชีย

ผู้สันทัดกรณีมองว่าการที่ประธานาธิบดีสีกล่าวที่การประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ว่าจะเป็น “มิตรที่ดี” ต่ออาเซียนส่วนหนึ่งเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดกับฟิลิปปินส์ และอีกสามประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เป็นคู่กรณีกับรัฐบาลปักกิ่งเรื่องทะเลจีนใต้

นอกจากนี้อาจารย์เจฟฟรีย์ คิงสตัน แห่งมหาวิทยาลัยเทมเพิลที่ญี่ปุ่นกล่าวว่าจีนยังใช้การสนับสนุนเรื่องวัคซีนช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัสในทางการทูตด้วย

ส่วนการเปลี่ยนเเปลงในเมียนมาซึ่งรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ทำให้เมียนมากลายเป็นประเทศเผด็จการ เหตุการณ์นี้เอื้ออำนวยให้จีนเข้าไปมีบทบาทในโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติและแหล่งทรัพยากรต่างๆ ในเมียนมามากขึ้น ขณะที่เมียนมาถูกตำหนิจากโลกตะวันตก ตามทัศนะของอาจารย์คิงสตัน

ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเล่นบทผู้ให้

เเต่บางครั้งจีนเเสดงท่าทีที่เเข็งกร้าวจนเกิดคำเรียก "wolf warrior" diplomacy โดยสถาบันวิจัย National Bureau of Asian Research เพื่ออธิบายการทูตจีนในยุคปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงการเเสดงออกอย่างเปิดเผยในเรื่องที่ทางการปักกิ่งไม่เห็นด้วย

ดังนั้นการทูตเเบบ wolf warrior จึงเเตกต่างจากการทูตจีนในอดีตที่เต็มไปด้วยการสงวนท่าที

Taiwan Drills

ตัวอย่างนี้ เห็นได้จากความขัดเเย้งเรื่องไต้หวัน ที่จีนส่งเครื่องบินทหารเข้าสู่น่านฟ้า ที่เป็นเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ ไต้หวันเเทบทุกวันในปีนี้

อาจารย์คิงสตันมองว่าการทูตเเบบ wolf warrior ไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์เชิงบวกต่อจีนบทเวทีโลก และ “สร้างความกระวนกระวายใจในภูมิภาคเอเชีย”

นักวิจัยแอรอน ราบีนา จากสถาบัน Asia-Pacific Pathways to Progress Foundation กล่าวว่าการเล่นบทที่เเข็งกร้าวของจีนทำให้พันธมิตรโลกตะวันตกรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อหนุนท่าทีของประเทศคู่กรณีของจีนในเรื่องทะเลจีนใต้

และที่น่าจับตามองต่อไปในปีหน้า คือท่าทีของจีน ที่โอลิมปิกฤดูหนาวที่จีนเป็นเจ้าภาพ หลังจากที่สหรัฐฯ ออสเตรเลีย อังกฤษและเเคนาดาคว่ำบาตรด้วยการไม่ส่งตัวเเทนการทูตร่วมมหกรรมกีฬาครั้งนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน