Your browser doesn’t support HTML5
เสียงของวุฒิสมาชิก John McCain ที่พรรค Republican เสนอชื่อให้เป็นตัวแทนของพรรคในการเลือกตั้งเพื่อช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐในปี ค.ศ. 2008 อยู่ในเกณฑ์สูง สว. McCain เป็นทหารผ่านศึกเวียตนาม คนอเมริกันทั่วไปถือว่าเป็นวีรบุรุษสงครามคนหนึ่ง และชนะการเลือกตั้งตำแหน่งวุฒิสมาชิก รับใช้รัฐ Arizona มานานกว่า 20 ปี
เสียงของประธานาธิบดี Barack Obama ในการเลือกตั้งปีเดียวกัน ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสว. Obama จากรัฐ Illinois เทอมแรก และมีประสบการณ์ทางการเมืองน้อยกว่าสว. McCain มาก ดูจะมีระดับต่ำกว่า
ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นปรากฎว่าสว. Obama เป็นผู้ชนะ และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาจนทุกวันนี้
อาจารย์ Casey Klofstad ของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Miami ในรัฐ Florida บอกว่า ปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้สว. Obama ชนะการเลือกตั้ง คือระดับเสียง
และแม้นักวิชาการผู้นี้จะไม่ระบุออกมาว่า ที่ประธานาธิบดี Obama ชนะการเลือกตั้ง เพราะมีระดับเสียงต่ำกว่า ขณะเดียวกัน งานวิจัยของอาจารย์ Casey ชี้ว่า อิทธิพลของปัจจัยที่ลึกๆ นั้น อาจส่งผลกระทบในการตัดสินใจเลือกผู้นำได้
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในเรื่องนี้ที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Public Library of Science หรือ PLoS ONE ชี้แนะว่า ระดับเสียงอาจเป็นปัจจัยใต้สำนึกในการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้
งานวิจัยชิ้นนี้ ให้อาสาสมัคร 800 คน ฟังเสียงของผู้ที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง โดยใช้คอมพิวเตอร์เปลี่ยนระดับเสียงให้ขึ้นสูงและลงต่ำได้ อาสาสมัครเกือบทั้งหมดชอบระดับเสียงที่ต่ำและทุ้มกว่า เพราะเห็นว่าเป็นเสียงที่แสดงความเข้มแข็ง
อาจารย์ Casey Klofstad ตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า โดยทั่วไปแล้ว อาสาสมัครนิยมชมชอบผู้สมัครอายุระหว่าง 40 ถึง 50 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ระดับเสียงของคนเราลุ่มลึกมากกว่าเวลาอื่นในชีวิต
ในงานวิจัยของอาจารย์ Casey ก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีเสียงทุ้มต่ำ ลุ่มลึกกว่า ได้คะแนนเสียงมากกว่า
ผลการวิจัยนี้ อาจเป็นบทเรียนให้กับบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วไปว่า ระดับเสียงที่ลุ่มลึกอาจเป็นประโยชน์ในเวลาหาเสียงเลือกตั้ง และจะใช้ระดับเสียงสูงอย่างที่ประธานาธิบดี Obama แสดงมาดร้องเพลงไว้ในปี ค.ศ. 2012 ก็ควรรอให้ชนะการเลือกตั้งเสียก่อน