Your browser doesn’t support HTML5
เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศกัมพูชา กล่าวว่า สหภาพยุโรปไม่ควรยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าต่อกัมพูชาโดยใช้เหตุผลทางการเมือง
คำกล่าวของทูตจีนประจำกรุงพนมเปญ นาย เจียง โป (Xiong Bo) มีขึ้นหลังจากสหภาพยุโรป หรือ EU (European Union) พิจารณาสถานการณ์ทางการเมืองที่พรรคทางเลือกที่สำคัญของกัมพูชาประสบเหตุต้องยุบพรรคไป ก่อนการแข่งขันเลือกตั้งกับพรรคของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ว่าเป็นเหตุผลให้ควรเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าหรือไม่
กัมพูชาจะมีการเลือกตั้งวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ ซึ่งพรรคทางเลือก Cambodia National Rescue Party หรือ CNRP เป็นผู้แข่งขันหลักรายเดียว ในการชิงชัยกับพรรคของนายฮุน เซน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ผู้นำพรรค CNRP นายเขม โสคา ถูกคุมขัง และ CNRP ต้องยุบพรรคไปสองเดือนต่อจากนั้น
สหภาพยุโรปมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นแผนของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซนที่จะกำจัดคู่แข่งทางการเมือง เพื่อรักษาการคงอำนาจที่ยาวนาน 33 ปีของเขาต่อไป
ขณะเดียวกัน ทางการกรุงพนมเปญมองว่า ต่างประเทศกำลังแทรกแซงเรื่องภายในของกัมพูชา
ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปให้สิทธิพิเศษทางการค้าที่เรียกว่า EBA (Everything But Arms) ต่อกัมพูชา เช่นเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ หลายประเทศ ภายใต้ EBA ประเทศกำลังพัฒนาจะสามารถขายสินค้าให้กับตลาดของสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อจำกัดด้านโควต้าและภาษี
อย่างไรก็ตาม EU พิจารณาประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นเงื่อนไขของการให้สิทธิพิเศษทางการค้าดังกล่าว การที่ทูตจีนกล่าวว่า สหภาพยุโรปควรแยกเรื่องการค้ากับการเมืองในการพิจารณา EBA จึงเป็นการแสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลพนมเปญ
ทูตเจียง โป กล่าวว่า ไม่ว่า EU จะดำเนินการอย่างไรต่อกัมพูชาเรื่องการค้า จีนจะยังคงมุ่งเพิ่มความร่วมมือกับกัมพูชาทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจ
จีนนั้นได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในกัมพูชาในหลายรูปแบบ เช่นเงินกู้ เงินให้เปล่า และการลงทุน
แม้รัฐบาลของนายฮุน เซน จะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจีน แต่เขาก็ไม่ต้องการสูญเสียสิทธิ์ EBA จากยุโรป
เมื่อเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรี ฮุน เซ็น ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปจูงใจสหภาพยุโรปให้ยังคงสิทธิพิเศษทางการค้า
ทางการพนมเปญยังได้ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า เป็นที่น่าเสียใจและไม่ยุติธรรม ที่ในหลายกรณี รัฐบาลรู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อของข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล แถลงการณ์เมื่อเดือนที่แล้วยังระบุว่า มีการสมคบคิดและการกระทำที่ทรยศต่อชาติ ซึ่งมีต่างชาติให้ความร่วมมือในการที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลกัมพูชาด้วยวิธีที่ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย
ขณะนี้ EU ยังไม่สรุปผลว่าจะระงับ EBA ต่อกัมพูชาหรือไม่ แต่หากพิจารณาถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจกัมพูชามูลค่า 676 ล้านดอลลาร์ หากกัมพูชาไม่ได้รับสิทธิพิเศษ EBA ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาที่สื่อนำมาเผยแพร่ ก็จะไม่แปลกใจว่าเหตุใดรัฐบาลพนมเปญจึงดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อรักษาสิทธิพิเศษทางการค้านี้
(รายงานโดย David Boyle/ รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง)