Your browser doesn’t support HTML5
ผลการสำรวจความเห็นของคนอเมริกันซึ่งทำโดยสำนักข่าว Asdociated Press และ NORC Center for Public Affairs Research หรือที่เรียกกันว่า AP-NORC poll แสดงว่า ในช่วงสี่เดือนแรกของการทำงาน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนไ ด้คะแนนนิยมโดยรวมที่ระดับ 63% ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรับมือกับโรคโควิด-19 และเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม การยอมรับผลงานจากนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองและการควบคุมอาวุธปืนยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 %
สำหรับเรื่องการรับมือกับโควิด-19 นั้น ถึงแม้จะมีเพียง 47% ของสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ยอมรับ แต่โดยรวมแล้วประธานาธิบดีไบเดนก็ได้คะแนนนิยมในเรื่องนี้ที่ระดับ 71% และนอกจากนั้น ชาวอเมริกัน 54% ยังเชื่อว่าขณะนี้ประเทศกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งก็เป็นระดับที่สูงกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อเทียบกับความรู้สึกของคนอเมริกันหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของ AP-NORC poll ก็แสดงว่า ขณะนี้คนอเมริกันมีความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วเป็นต้นมา คือที่ระดับราว 50% และในจำนวนนี้ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือทัศนะของชาวพรรคเดโมแครตกับชาวพรรครีพับลิกัน กล่าวคือ ในขณะที่ 69% ของชาวพรรคเดโมแครตยอมรับว่าอย่างน้อยตนยังคงกังวลว่าอาจติดเชื้อโควิด-19 ได้นั้น มีชาวพรรครีพับลิกันเพียง 33% เท่านั้นที่กังวลในเรื่องนี้
และระดับความกังวลของคนอเมริกันเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ที่ลดลงนี้อาจสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ เพราะอัตราการรับวัคซีนขณะนี้เริ่มชะลอตัวลง และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะต้องพยายามโน้มน้าวกลุ่มคนที่ยังเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของวัคซีนอีกด้วย
นอกจากผลงานความสำเร็จเกี่ยวกับการรับมือกับโรคโควิด-19 แล้ว ประธานาธิบดีไบเดนยังจะต้องผลักดันวาระที่สำคัญอีกหลายเรื่องในเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้ เช่น แผนงานการลงทุนใหญ่มูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ระบบการศึกษา และสวัสดิการสำหรับเยาวชน รวมทั้งเรื่องการจ้างงานที่ชะลอตัวลงในเดือนเมษายนด้วย
ข้อมูลด้านหนึ่งแสดงว่ามีคนอเมริกันเกือบ 3 ล้านคนซึ่งยังลังเลที่จะออกไปหางานใหม่เพราะกลัวติดเชื้อโควิด-19 ในขณะที่พรรครีพับลิกันรวมทั้งเจ้าของธุรกิจบางรายก็กล่าวโทษการจ่ายเงินสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์ว่าทำให้ผู้ว่างงานบางคนพอใจที่จะรับเงินสวัสดิการมากกว่าการออกไปหางานทำ
นอกจากปัญหาโควิด-19 กับเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเรื่องสำคัญซึ่งผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันได้คะแนนนิยมในระดับไม่ถึง 50% อยู่สองเรื่อง คือนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองจากการที่มีผู้อพยพข้ามพรมแดนจากด้านเม็กซิโกซึ่งก็รวมถึงผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้ปกครองมาด้วยในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น โดยพรรครีพับลิกันได้กล่าวโทษเรื่องนี้ว่าเป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีไบเดนยกเลิกมาตรการควบคุมด้านพรมแดนอย่างเข้มงวดของประธานาธิบดีทรัมป์
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีไบเดนยังได้รับคะแนนนิยมต่ำกว่า 50% สำหรับนโยบายการควบคุมอาวุธปืนซึ่งได้กลับมาเป็นที่สนใจอีกหลังเหตุการณ์ยิงกราดหลายครั้งและทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายคน
ปัญหาท้าทายที่สำคัญในช่วงต่อไปสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดประธานาธิบดีไบเดน คือนโยบายต่างประเทศ เพราะโจ ไบเดน ได้ประกาศจะถอนทหารสหรัฐฯ ทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถานภายในเดือนกันยายนนี้ และการกลับไปเจรจากับอิหร่านเรื่องข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ฉบับใหม่
รวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ซึ่งทำเนียบขาวได้ส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีไบเดนอาจพบหารือกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียแบบตัวต่อตัวในช่วงฤดูร้อนคือช่วงกลางปีนี้