ประธานาธิบดีไจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจของประเทศไม่ได้เข้าสู่งภาวะถดถอยแล้ว แม้ว่านักการเมืองฝ่ายตรงข้ามและนักเศรษฐศาสตร์บางรายจะย้ำว่า สถานการณ์ในปัจจุบันตรงตามนิยามของคำว่า ‘เศรษฐกิจถดถอย’ แล้วก็ตาม
ปธน.ไบเดน กล่าวที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีว่า ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ และ “บุคลากรในแวดวงธนาคารและนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำหลายราย กล่าวว่า เรายังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย” และอ้างถึง อัตราการขยายตัวของตำแหน่งงานในตลาดและการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทคภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน ก่อนจะสรุปว่า “ทั้งหมดนี้ฟังแล้วไม่เหมือนภาวะถดถอยสำหรับผมเลย”
ความเห็นของผู้นำสหรัฐฯ ในประเด็นดังกล่าวมีออกมา หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า เศรษฐกิจของประเทศในช่วงระหว่างเดือนเมษายนและเดือนมิถุนายนลดลง 0.9% และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ปกติแล้วจะบ่งชี้ว่า เป็นภาวะถดถอย
เดสมอนด์ แลคแมน นักเศรษฐศาสตร์จาก American Enterprise Institute บอกกับ วีโอเอ ว่า เมื่อดูตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ สหรัฐฯ อยู่ในภาวะถดถอยแล้ว และกล่าวเสริมว่า ในเวลานี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค “ใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และผู้บริโภคก็กำลังประสบปัญหาหนักในเรื่องเงินเฟ้อ ขณะที่ ค่าแรงก็หดหาย หลายคนสูญเงินที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไปมากมาย ดังนั้น ผู้บริโภคจึงรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเลย”
ทั้งนี้ การที่จะประกาศว่า สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วหรือไม่ เป็นหน้าที่ของ National Bureau of Economic Research (NBER) ซึ่งจะทำการประเมินสถานการณ์ด้วยการย้อนดูปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยในการสรุปว่า เกิดภาวะถดถอยหรือไม่ หน่วยงานนี้จะดูว่า มีการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือนหรือไม่ และพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราการว่าจ้างงาน ผลผลิตต่าง ๆ ยอดค้าปลีก และรายได้ครัวเรือนด้วย
SEE ALSO: วิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะ "ถดถอย"
แลคแมน กล่าวว่า NBER จะตัดสินใจทำการสรุปการวิเคราะห์ก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 6 เดือนหรือ 1 ปีหลังจากมีรายงานตัวเลขจจีดีพีออกมา ดังนั้น “ยังเร็วเกินไปที่เราจะประกาศอย่างเป็นทางการว่า (สหรัฐฯ) อยู่ในภาวะถดถอยแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลหลายรายยังเชื่อมั่นในตัวเลขที่เห็นอยู่
สตีฟ มัวร์ นักเศรษฐศาสตร์จาก FreedomWorks ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้หัวอนุรักษ์นิยม ให้ความเห็นว่า “ทำเนียบขาวของไบเดน จะเล่นคำต่อไปก็ได้ และพยายามบิดภาษาอังกฤษให้เป็นไปในแบบที่ตนต้องการ เพื่อผลักดันวาระแนวคิดหัวรุนแรงและเป็นอันตราย” และกล่าวว่า “สิ่งที่รัฐบาลนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ ความจริงที่ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอเมริกันยังคงลดลงต่อไปภายใต้การนำของไบเดน ... ชาวอเมริกันก็อยู่ในภาวะมองโลกในแง่ร้ายลงอย่างมากเกี่ยวกับสถานะทางเศรษฐกิจของ(รัฐบาล)ไบเดน และไม่มีการเล่นคำแบบใดเกี่ยวกับนิยมของคำว่า “ภาวะถดถอย” ที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้”
ขณะเดียวกัน สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันหลายรายทวีตความเห็นของตนออกมาทันทีที่มีรายงานตัวเลขจีดีพีออกมา เพื่อประกาศว่า สหรัฐฯ อยู่ในภาวะถดถอย เช่น ส.ว.เท็ด ครูซ ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการร่วมวุฒิสภาด้านเศรษฐกิจ ที่กล่าวว่า “พรรคเดโมแครตส่งเราเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว” และ ส.ส.เจฟฟ์ ดันแคน สมาชิกคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้านพลังงานและพาณิชย์ ที่ระบุว่า “สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว ต้องขอบคุณการใช้จ่ายอย่างไม่ระวัดระวังของพรรคเดโมแครต ... ชาวอเมริกันต้องประสบทุกข์เพราะนโยบายอเมริกามาทีหลังของไบเดน”
- ที่มา: วีโอเอ