Your browser doesn’t support HTML5
ประชากรอเมริกันที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนนับล้านมีเชื้อสายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจำนวนไม่น้อยติดตามท่าทีเรื่องนโยบายของสหรัฐฯ ต่อจีนกรณีทะเลจีนใต้ ที่กรุงปักกิ่งเป็นคู่กรณีกับหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์
ในรัฐที่เรียกว่า swing state หรือรัฐที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสนับสนุนรีพับลิกันและเดโมแครตคู่คี่กัน เช่น ฟลอริด้า เวอร์จิเนีย และเนวาด้า เสียงของคนอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ฟิลิปปินส์และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ที่สนใจประเด็นทะเลจีนใต้ อาจมีส่วนสำคัญต่อผลการเลือกตั้ง
รัฐเวอร์จิเนียมีผู้มีเชื้อสายเวียดนามและฟิลิปปินส์รวมกัน 150,000 คน แม้จะเป็นส่วนน้อยหากเทียบกับชาวประชากรรัฐทั้งหมด 8 ล้าน 3 แสนคน แต่ก็มากพอที่จากเปลี่ยนผลการเลือกตั้งหากคะแนนผู้ลงสมัครคู่คี่กันมาก
ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิก Mark Warner จากเวอร์จิเนียที่สังกัดพรรดเดโมแครต ชนะการเลือกตั้ง ส.ว. สองปีก่อน ด้วยคะแนน 17,000 เสียงมากกว่าคู่แข่ง และเมื่อสิบปีก่อน ส.ว. Jim Web จากพรรคเดียวกัน เฉือนชนะคู่แข่งด้วยคะแนน 9,000 เสียงเท่านั้น
สำหรับระดับประเทศ มีคนเชื้อสายเวียดนาม 1.6 ล้านคน อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ส่วนผู้ที่มีเชื้อสายฟิลิปปินส์มีจำนวนมากถึง 2.6 ล้านคน
เป็นที่ทราบกันว่าทั้งสองประเทศอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้บริเวณที่กรุงปักกิ่งอ้างเช่นกัน
ในสนามการเลือกตั้งประธานาธิบดี นางฮิลลารี่ คลินตั้น ตัวแทนจากเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน พยายามหาเสียงกับผู้มีเชื้อสายเอเชีย โดยนางคลินตั้นจัดแผนรณรงค์เมื่อเดือนมกราคม ภายใต้ชื่อ Asian American and Pacific Islander Voters for Hillary ด้านทรัมป์ประกาศจัดตั้งคณะที่ปรึกษา Asian Pacific American Advisory Committee เพื่อสร้างสัมพันธ์กับประชากรอเมริกันเชื้อสายเอเชีย
ตามปกติชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย มีความเปิดกว้างทางสังคมและชอบแนวทางเสรีนิยม ซึ่งหมายความว่าโอนเอียงไปในทางเดโมแครต แต่จำนวนไม่น้อยที่คนเชื้อสายเวียดนาม นิยมรีพับลิกัน เพราะตามประวัติรีพับลิกันมีนโยบายแข็งกร้าวในการต่อต้านคอมมิวนิสต์มากกว่า
อย่างไรก็ตามทั้งฮิลลารี่และทรัมป์มีนโนบายที่ไม่อ่อนข้อกับจีนเช่นเดียวกัน
นางคลินตั้นผู้ซึ่งรับหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ช่วงปี ค.ศ. 2009 และ 2013 คุ้นเคยกับการเดินนโยบายกับจีน และตลอดมาเธอวิจารณ์จีนกรณีที่จีนมีมาตรการแข็งกร้าวในทะเลจีนใต้ นอกจากนั้นนางคลินตั้นยังเป็นผู้ร่วมวางนโยบายปรับดุลยภาพในเอเชีย ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์คานอำนาจจีนในเอเชีย
Steven Lewis นักวิชาการเรื่องเอเชียจากมหาวิทยาลัย Rice กล่าวว่า นางคลินตั้นขึ้นชื่อว่าเป็นนักการทูตสายเหยี่ยว ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ - เอเชีย โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งเขาคิดว่าเธอคงมีท่าทีเช่นเดียวกับที่ผ่านมา หากนางคลินตั้นชนะการเลือกตั้ง
ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยพูดถึงจีนในหลายแง่มุม แต่มักเป็นเรื่องการค้าเป็นหลัก เขาใช้แนวทางหาเสียงดึงคะแนนชาวอเมริกันด้วยการโจมตีจีน ว่าเป็นสาเหตุหลักที่คนอเมริกันจำนวนมากไม่มีงานทำ
เขายังเคยพูดว่า สหรัฐฯ อาจถอนทหารออกจากเอเชีย ซึ่งนั่นทำให้นักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นการเปิดทางให้จีนเพิ่มอิทธิพลในภูมิภาคนี้ เขาเคยพาดพิงฟิลิปปินส์ด้วยว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในบัญชีประเทศที่มีผู้ก่อการร้าย
และเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ พูดถึงความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ เขามักพูดเกินจริง เช่นว่าจีนได้สร้างป้อมปราการทางทหารชนิดที่ว่าโลกยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ในความเป็นจริง โครงการดังกล่าวของจีนคือการเปลี่ยนแนวหินให้กลายเป็นเกาะเทียมที่สามารถสนับสนุนการนำทหารเข้ามาในบริเวณดังกล่าว
(รายงานโดย William Gallo / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)