องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International - AI) ประกาศแผนปิดสำนักงานจำนวน 2 แห่งของตนในฮ่องกงภายในสิ้นปีนี้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องผลกระทบของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งประกาศบังคับใช้ในเขตปกครองตนเองแห่งนี้
นับตั้งแต่จีนประกาศบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ประชาชนนับร้อยคน ซึ่งรวมถึงนักเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยจำนวนมาก ถูกทางการจับกุมตัว หลังเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงรัฐบาลปักกิ่ง ที่มีการยกระดับจนเกิดความรุนแรงขึ้นในบางครั้ง
ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ผู้ใดก็ตามที่ทางการมองว่าทำการในเชิงการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน การโค่นล้มอำนาจรัฐ หรือการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ จะต้องถูกดำเนินคดีซึ่งอาจนำไปสู่การต้องโทษสูงสุด ซึ่งก็คือ การจำคุกตลอดชีวิต หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง
อันจูลา มยา ซิงห์ บาส ประธานคณะกรรมการ AI กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตกลงใจที่ต้องคิดหนักมาก แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ที่ทำให้องค์กรด้านมนุษยธรรมทั้งหลายในเขตปกครองตนเองของจีนแห่งนี้ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอิสระ โดยไม่ต้องเกรงกลัวที่จะต้องเผชิญการแก้แค้นอย่างดุเดือดจากรัฐบาล
ทั้งนี้ AI เป็นองค์การด้านสิทธิมนุษยชนกลุ่มล่าสุดที่ประกาศปิดทำการในฮ่องกง หลังกลุ่มและองค์กรหลายแห่งประกาศถอนตัวออกจากพื้นที่เขตปกครองตนเองนี้ เพราะการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลจีน
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์การนิรโทษกรรมสากลได้ออกรายงานฉบับยาวเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมายดังกล่าวที่มีผลบังคับใช้ในฮ่องกงมาเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งสรุปใจความว่า มาตรการต่างๆ ที่ทางการฮ่องกงนำมาใช้ภายใต้กฎหมายนี้ “เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลากหลายรูปแบบ”
ผู้ที่เฝ้าวิพากษ์วิจารณ์ฮ่องกงชี้ว่า กฎหมายฉบับนี้ละเมิดคำสัญญาของกรุงปักกิ่งที่จะอนุญาตให้ฮ่องกงมีเสรีภาพมากกว่าในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งประกาศไว้ขณะรับมอบเกาะแห่งนี้คืนจากอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1997