ยูเครนโจมตีระยะไกลถล่มลานบิน - จมเรือดำน้ำรัสเซีย

แฟ้มภาพ - ระบบป้องกันอากาศยาน เอส-400 ของรัสเซีย ประจำการที่เมืองคาลินอินกราด รัสเซีย

ยูเครนจมเรือดำน้ำรัสเซียและโจมตีใส่ลานบินแห่งหนึ่งในรัสเซียในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา หลังจากที่เริ่มปฏิบัติการเพิ่มพิสัยการโจมตีใส่เป้าหมายในรัสเซีย

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ยูเครนได้เพิ่งแรงกดดันต่อชาติพันธมิตรเพื่อขอการอนุมัติให้ยูเครนสามารถโจมตีระยะไกลใส่เป้าหมายในรัสเซียได้ หลังจากที่พันธมิตรชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยังคงยืนกรานปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะเป็นการยกระดับความขัดแย้งกับรัสเซีย

แถลงการณ์ของรัฐบาลยูเครนเมื่อวันเสาร์ระบุว่า กองทัพยูเครนได้จมเรือดำน้ำของรัสเซียหนึ่งลำ และทำลายระบบป้องกันอากาศยาน เอส-400 หนึ่งชุด ในแถบแคว้นไครเมียที่รัสเซียยึดครองไปซึ่งถือเป็นศูนย์กลางขนส่งอาวุธและเสบียงให้แก่กองทัพรัสเซียที่ปฏิบัติการอยู่ในยูเครน

ทางการยูเครนยืนยันด้วยว่า กองทัพได้ใช้โดรนโจมตีใส่ลานบินโมโรซอฟสก์ ในภูมิภาครอสตอฟและ มีรายงานว่าโกดังเก็บอาวุธถูกโจมตี

ทางด้านผู้ว่าการเมืองเบลโกรอดของรัสเซีย เปิดเผยว่า โดรนของยูเครนได้โจมตีใส่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองเชเบกิโนในวันอาทิตย์ ทำให้มีสตรีเสียชีวิตหนึ่งคน และสร้างความเสียหายในอาคารหลายหลังในบริเวณนั้น

นอกจากนี้มีรายงานว่า ยูเครนได้ใช้ปืนใหญ่และโดรนโจมตีใส่หลายพื้นที่ของรัสเซีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัสเซียเผชิญกับการโจมตีพิสัยไกลที่เพิ่มขึ้นจากยูเครน ทำลายโครงสร้างทางทหารรวมทั้งโกดังน้ำมันและลานบินต่าง ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าการโจมตีในลักษณะนี้เป็นสิ่งจำเป็นหากยูเครนต้องการลดทอนศักยภาพทางทหารของรัสเซีย

เซเลนสกีโชว์โฉม เอฟ-16

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี นำเครื่องบินรบไอพ่น เอฟ-16 (F-16) ที่เพิ่งได้รับมาแสดงให้สื่อมวลชนทำข่าวในวันอาทิตย์ โดยระบุว่าเครื่องบินรบนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของกองทัพยูเครนในการรับมือรัสเซียได้

เซเลนสกียืนหน้าเครื่องบินเอฟ-16 สองลำ และมีอีกสองลำที่บินเหนือท้องฟ้า พร้อมกล่าวว่า "พวกคุณได้เห็นเครื่องบินไอพ่นเหล่านี้แล้ว"

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่า แม้เครื่องบินเอฟ-16 จะสามารถเพิ่มศักยภาพทางการรบของยูเครนได้ แต่ก็อาจจะยังไม่ช่วยพลิกสถานการณ์การต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ ในขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังขยับยึดดินแดนทางภาคตะวันออกของรัสเซียไปอย่างช้า ๆ พร้อมไปกับการถอยร่นของกองทัพยูเครนในช่วงที่ผ่านมา

  • ที่มา: เอพี