ยูเอ็นเผยรายงานทหารเมียนมาสังหาร-ตัดคอ ชาวมุสลิมโรฮีนจา

  • VOA

แฟ้มภาพ - ตำรวจชายแดนเมียนมายืนเฝ้าจุดตรวจที่เมืองบูตีดอง รัฐยะไข่

สหประชาชาติเปิดเผยรายงานชิ้นใหม่ที่ระบุถึงการกระทำที่ป่าเถื่อนโหดร้ายของทหารเมียนมาต่อชาวมุสลิมโรฮีนจาทางภาคเหนือของรัฐยะไข่

ลิซ ธรอสเซลล์ โฆษกของข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่นครเจนีวา ว่า "ข้อกล่าวหาบางอย่างที่ร้ายแรงที่สุดเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวโรฮีนจาและเผาบ้านเรือนของพวกเขา" และว่ามีชาวโรฮีนจานับหมื่นคนที่ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานจากเมืองบูตีดองและเมืองหม่องดอว์ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

โฆษกผู้นี้ระบุด้วยว่า ข้อมูลที่ได้จากภาพถ่ายดาวเทียม วิดีโอออนไลน์ และคำบอกเล่าของพยานและเหยื่อ ชี้ว่า "เมืองบูตีดองถูกเผาจนเกือบหมด" "เราได้รับข้อมูลว่าการเผาเมืองนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ค. สองวันหลังจากที่กองทัพถอนกำลังออกไปจากเมืองและกองกำลังอาระกันเข้าครอบครองพื้นที่แทน"

เจมส์ โรดีเฮฟเวอร์ หัวหน้าคณะทำงานด้านเมียนมา สำนักข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับแหล่งข่าวจำนวนมากและตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ พบว่ารายงานนี้น่าเชื่อถือ โดยหนึ่งในผู้รอดชีวิตเล่าว่าพบศพหลายสิบศพนอนตายเกลื่อน ประชาชนนับหมื่นคนหลบหนีไปยังเมืองอื่นแต่ก็ถูกกองกำลังอาระกันสกัดไว้ รวมทั้งถูกละเมิดและชิงเอาเงินของพวกเขาไป

โรดีเฮฟเวอร์ กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เผาเมืองบูตีดอง คณะทำงานของตนได้ทำรายงานการโจมตีชาวโรฮีนจาโดยกองกำลังอาระกันและกองทัพเมียนมา ซึ่งรวมถึงการโจมตีทางอากาศและโดรน การยิงคนที่ไม่มีทางสู้และกำลังหลบหนี รวมถึงการสังหารตัดคอชาวบ้านโรฮีนจา 4 คน

เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2017 ชาวโรฮีนจามากกว่าหนึ่งล้านคนลี้ภัยไปยังเมืองคอกซ์บาซาร์ในบังกลาเทศ เพื่อหนีความรุนแรงในเมียนมา โดยปัจจุบันคาดว่ามีชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ราว 600,000 คน ซึ่งรัฐบาลเมียนมามองว่าพวกเขาเป็นคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย แม้ว่าในความเป็นจริงชาวโรฮีนจาจะปักหลักอยู่ที่รัฐยะไข่มาหลายชั่วอายุคนแล้วก็ตาม

ทอม แอนดรูวส์ ผู้เขียนรายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา กล่าวว่า "มีสัญญาณของการนองเลือดรอบใหม่ในรัฐยะไข่" หากประชาคมโลกยังคงนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเพื่อรักษาชีวิตของชาวโรฮีนจาเหล่านั้น

  • ที่มา: วีโอเอ