สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้นำประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก 7 ประเทศ หรือ G-7 ได้บรรลุข้อตกลงหาแนวทางคว่ำบาตรน้ำมันดิบจากรัสเซียที่ขายเกินราคาที่กำหนด โดยมีเป้าหมายเพื่อลดรายได้ด้านพลังงานของรัสเซีย ท่ามกลางปัญหาราคาน้ำมันและอาหารสูงขึ้นทั่วโลก
ความตกลงนี้ถือเป็นความพยายามล่าสุดของชาติตะวันตกในการกดดันรัสเซียให้ยุติการรุกรานยูเครนที่ล่วงเลยมานาน 4 เดือนแล้ว
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลซ์ กล่าวในงานแถลงปิดการประชุมสุดยอด G-7 ที่เยอรมนีในวันอังคาร โดยระบุว่า "ทางออกเดียวของรัสเซียคือ ประธานาธิบดีปูตินต้องยอมรับว่าแผนการยึดครองยูเครนนั้นไม่ประสบความสำเร็จ"
แนวคิดการจำกัดราคาน้ำมันดิบจากรัสเซีย คือ การโน้มน้าวให้สถาบันการเงิน บริษัทประกัน และบริษัทขนส่งต่าง ๆ ร่วมมือกันกำหนดเพดานราคาขั้นสูงสำหรับน้ำมันที่รัสเซียส่งออก ซึ่งเชื่อว่า จะทำให้รัสเซียมีรายได้ลดลงจากการขายพลังงานในตลาดโลก ท่ามกลางวิกฤติด้านพลังงานที่ทำให้ราคาเชื้อเพลิงต่าง ๆ พุ่งสูงขึ้นหลังเกิดสงครามในยูเครน
SEE ALSO: ผู้นำจี-7 ประกาศเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซีย - สนับสนุนยูเครนในระยะยาวทั้งนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ รายงานว่า รายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม แม้ปริมาณการส่งออกลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่พุ่งสูงขึ้นมาก
กลุ่ม G-7 ได้เชื้อเชิญให้ประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมในมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันจากรัสเซียในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งยังมีการเสนอให้ใช้มาตรการจำกัดราคาค้าปลีกน้ำมันตามสถานีจ่ายน้ำมันในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันจากรัสเซียนี้อาจส่งผลเสียได้ ตัวอย่างเช่น หากรัสเซียตัดสินใจลดการส่งออกเชื้อเพลิงเพื่อตอบโต้มาตรการดังกล่าว อาจมีผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้
ทางรัฐบาลรัสเซียกล่าวในวันอังคารว่า บริษัทก๊าซพรอม (Gazprom) ผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของรัสเซีย อาจปรับเปลี่ยนสัญญาการขายพลังงานได้หากชาติตะวันตกนำมาตรการจำกัดราคาน้ำมันจากรัสเซียมาใช้จริง ๆ
และในแถลงการณ์สรุปการประชุมในช่วงสามวันที่ผ่านมา กลุ่ม G-7 ได้รับปากว่าจะมอบเงินช่วยเหลือ 4,500 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยต่อสู้กับปัญหาขาดแคลนอาหารทั่วโลก ซึ่งบรรดานักรณรงค์ต่างบอกว่า น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับตัวเลขความต้องการเงินช่วยเหลือที่สหประชาชาติประเมินไว้ในปีนี้ที่ 22,200 ล้านดอลลาร์
ผู้นำกลุ่ม G-7 ยังได้ตกลงจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือเพื่อต่อสู้ภาวะโลกร้อน "Climate Club" เพื่อรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกและลดการปล่อยมลพิษในภาคอุตสาหกรรม แต่กลับมีสุ้มเสียงอ่อนลงเรื่องนโยบายยุติการอุดหนุนทางการเงินสำหรับโครงการด้านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเดินหน้าสนับสนุนยานพาหนะที่ไม่มีควันพิษ ดังที่เคยให้คำมั่นอย่างหนักแน่นไว้ก่อนหน้านี้
- ที่มา: รอยเตอร์