ทำเนียบขาวของสหรัฐฯระบุในวันจันทร์ว่า รัสเซียผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งเป็นผลจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่ประเทศตะวันตกนำมาใช้ โดยเฉพาะการตัดรัสเซียออกจากระบบการเงินโลก
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลกรุงมอสโกออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ โดยกล่าวหาชาติตะวันตกว่ากำลังทำให้รัสเซียตกอยู่ภายใต้ "การผิดนัดชำระหนี้เทียม" พร้อมยืนยันว่ารัสเซียมีเงินทุนสำรองเพียงพอชดใช้หนี้ ซึ่งมาจากรายได้ด้านพลังงาน
ในวันจันทร์ ผู้ถือพันธบัตรรัสเซียบางรายเปิดเผยว่ายังไม่ได้รับการชำระหนี้ที่เกินกำหนดเส้นตายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะที่รัสเซียกำลังประสบปัญหาในการชดใช้หนี้พันธบัตรมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก กลุ่ม G-7 ที่เยอรมนีว่า รัสเซียผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในรอบกว่าศตวรรษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของมาตรการลงโทษที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรนำมาใช้ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย
โดยพันธบัตรสองประเภทที่รัสเซียผิดนัดชำระหนี้นั้นมีดอกเบี้ยรวมกันราว 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรัสเซียมีกำหนดชดใช้เป็นเงินดอลลาร์และเงินยูโร ณ วันที่ 2 พ.ค. และมีระยะผ่อนผัน 30 วันซึ่งหมดอายุลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ความพยายามของรัสเซียที่จะเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวประสบอุปสรรคสำคัญเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เมื่อสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ หรือ OFAC ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงด้วยการขัดขวางการชำระหนี้ของรัฐบาลกรุงมอสโก
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การผิดนัดชำระหนี้ของรัสเซียในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคการเงินของรัสเซียมากนัก แต่จะมีผลในเชิงสัญลักษณ์เป็นหลัก เนื่องจากรัสเซียยังไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินระหว่างประเทศในตอนนี้เพราะยังมีรายได้เพียงพอจากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่ผลจากการผิดนัดชำระหนี้อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินสูงขึ้นในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังรัสเซียยืนยันว่าได้ชำระหนี้ไปแล้วเป็นเงินดอลลาร์และเงินยูโรผ่านทาง National Settlement Depository (NSD) ซึ่งถือว่าเป็นการปลดเปลื้องภาระผูกพันทางการเงินอย่างถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ขณะที่โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวว่า การที่การจ่ายเงินของรัสเซียดังกล่าวถูกขัดขวางโดยชาติตะวันตกนั้น "ไม่ใช่ปัญหาของรัสเซีย"
- ที่มา: รอยเตอร์