ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าแผงโซลาร์จากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4 ประเทศเป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับประกาศใช้กฎหมายกระตุ้นการผลิตแผงโซลาร์ในประเทศควบคู่กันไปด้วย ตามรายงานจากรอยเตอร์
ทำเนียบขาวระบุว่า ประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าแผงโซลาร์ ได้แก่ กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งจะใช้เป็น "สะพาน" ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเร่งพัฒนาการผลิตแผงโซลาร์ในประเทศ
รอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ไบเดนจะประกาศมาตรการที่ช่วยรับรองว่า แผงโซลาร์จาก 4 ประเทศนี้ที่มีสัดส่วนราว 80% ของทั้งหมดที่นำเข้าโดยสหรัฐฯ จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า
คำประกาศนี้มีขึ้นหลังจากที่เกิดความกังวลว่า อาจเกิดการสะดุดในโครงการติดตั้งแผงโซลาร์ทั่วประเทศซึ่งจะส่งผลต่อแผนต่อสู้ภาวะโลกร้อนของรัฐบาลชุดนี้ สืบเนื่องจากการสืบสวนโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ประกาศไว้เมื่อเดือนมีนาคมว่า แผงโซลาร์นำเข้าจาก 4 ประเทศนี้หลบเลี่ยงมาตรการลงโทษที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับจีน ด้วยการผลิตสินค้าโดยใช้สินส่วนจากจีนและส่งเข้ามาขายในสหรัฐฯ หรือไม่
ทำเนียบขาวประกาศด้วยว่า จะมีการนำกฎหมาย Defense Production Act มาใช้เพื่อขยายการผลิตและติดตั้งฉนวนกันความร้อน เครื่องทำความร้อน เครื่องแปลงไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำไปใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงสะอาด เช่น อิเล็กทรอไลเซอร์ และเซลล์เชื้อเพลิงต่าง ๆ ในสหรัฐฯ
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า "ด้วยคลังพลังงานสะอาดที่แข็งแกร่งขึ้น สหรัฐฯ จะสามารถร่วมมือกับพันธมิตรได้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงในขณะที่กำลังเกิดสงครามในยูเครนจากการรุกรานของรัสเซีย"
SEE ALSO: พาณิชย์สหรัฐฯสั่งตรวจสอบการผลิตโซลาเซลล์จากไทย และอีก 3 ประเทศเฮเธอร์ ซีชาล ผู้บริหารของสมาคมพลังงานสะอาดอเมริกัน (American Clean Power Association) กล่าวว่า คำประกาศของไบเดนจะช่วยเติมพลังให้กับภาคการผลิตและติดตั้งแผงโซลาร์ในสหรัฐฯ ให้มีความมั่นคงแน่นอนมากยิ่งขึ้น
แต่ มามุน ราชิด ซีอีโอของบริษัท อ๊อกซิน โซลาร์ (Auxin Solar) ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตรวจสอบแผงโซลาร์นำเข้าจาก 4 ประเทศในกลุ่มอาเซียน วิจารณ์รัฐบาลอเมริกันว่ากำลัง "เปิดประตู"ให้สินค้าที่ได้รับการหนุนหลังจากจีนสามารถเอาชนะความยุติธรรมในกฎหมายการค้าของสหรัฐฯ ได้
ขณะที่บริษัท เฟิร์สท์ โซลาร์ (First Solar) ผู้ผลิตแผงโซลาร์ในสหรัฐฯ กล่าวว่า มาตรการนี้กำลังบ่อนทำลายอุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ในอเมริกา
- ที่มา: รอยเตอร์