ตำรวจศรีลังกายิงปืนใส่กลุ่มผู้ประท้วงเพื่อสลายการชุมนุมในวันอังคาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนและบาดเจ็บมากกว่าสิบคน ในขณะที่รัฐบาลกำลังขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เพื่อบรรเทาวิกฤติทางเศรษฐกิจ
ผู้ประท้วงพากันเดินขบวนทั่วศรีลังกาเป็นเวลาต่อเนื่องหลายสัปดาห์ เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ซึ่งนำไปสู่การขาดแคลนสินค้าจำเป็นต่าง ๆ และไฟฟ้าถูกตัดต่อเนื่อง
เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจในเมืองรัมบักคานาในวันอังคาร โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเคกาลเล ทีชชิ่ง ระบุว่ามีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งคน มีผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 12 คน ในจำนวนนี้ 2 คนบาดเจ็บสาหัส นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
จูลี ชุง เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำศรีลังกา ทวีตข้อความในวันอังคารว่า "จำเป็นต้องมีการสืบสวนเหตุการณ์นี้ และประชาชนต้องมีสิทธิในการประท้วงอย่างสันติ"
ขณะเดียวกัน ผู้แทนของศรีลังกาเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการกับเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟที่กรุงวอชิงตันในวันอังคารเพื่อขอกู้ยืมเงินสำหรับใช้ในการซื้อสินค้าจำเป็นจากต่างประเทศ เช่น เชื้อเพลิง อาหารและยารักษาโรค
ปัจจุบัน ศรีลังกามีหนี้ต่างประเทศที่ถึงกำหนดชำระภายในปีนี้ราว 4,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงหนี้พันธบัตรที่ต้องจ่ายคืนในเดือนกรกฎาคมนี้มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลศรีลังกาพยายามกู้ยืมเงินจากแหล่งต่าง ๆ มาชดใช้หนี้ เช่น ไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก และอินเดีย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปริมาณเงินสดสำรองของศรีลังกาลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 2 ใน 3 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ ประกอบกับการก่อหนี้ของรัฐบาล
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พี นันดาลาล วีระซิงห์ ผู้ว่าการธนาคารกลางศรีลังกา กล่าวว่า เวลานี้ศรีลังกาต้องให้ความสำคัญกับการนำเข้าสินค้าจำเป็นก่อน และยังไม่ต้องกังวลถึงการชดใช้หนี้ต่างประเทศ และว่า "ขณะนี้มาถึงจุดที่การชำระหนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป"
- ที่มา: รอยเตอร์