สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ลิทัวเนียได้ประกาศเลิกการนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมดจากรัสเซียแล้ว ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรป (อียู) ที่ตัดสินใจยกเลิกการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย
กระทรวงพลังงานลิทัวเนียมีแถลงการณ์ว่า "ลิทัวเนียกำลังพยายามเป็นอิสระจากการพึ่งพาพลังงานของรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียข่มขู่ด้านพลังงานต่อยุโรปและก่อสงครามในยูเครน" พร้อมระบุด้วยว่า ลิทัวเนียได้ยกเลิกการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
รัฐมนตรีพลังงานของลิทัวเนีย ไดนิอุส ไครวิส กล่าวด้วยว่า "เราคือประเทศแรกในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปซึ่งพึ่งพาพลังงานจากบริษัทก๊าซพรอม (Gazprom) ของรัสเซีย ที่เป็นอิสระจากการนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย และนี่เป็นผลมาจากการการดำเนินนโยบายและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเป็นเวลาหลายปี"
ทางด้านประธานาธิบดีลิทัวเนีย กิตานาส นาวเซดา ทวีตข้อความยินดีต่อความเป็นอิสระด้านพลังงานของประเทศ พร้อมกระตุ้นให้ประเทศอื่นในอียูทำแบบเดียวกัน โดยบอกว่า "หากลิทัวเนียทำได้ ประเทศอื่นก็ทำได้เช่นกัน"
คำประกาศดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จด้านพลังงานของประเทศที่มีประชากร 2.8 ล้านคน และเคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต
กระทรวงพลังงานลิทัวเนียบอกด้วยว่า จากนี้ไปก๊าซธรรมชาติทั้งหมดที่ใช้ในลิทัวเนียจะนำเข้ามาจากโกดังก๊าซธรรมชาติเหลวกลางทะเล LNG terminal ที่เมืองท่าไคลเพดา ซึ่งลิทัวเนียสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2014
ขณะเดียวกัน แลตเวียและเอสโตเนีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับลิทัวเนีย ประกาศลดการพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเช่นกัน โดยแลตเวียมีแผนนำก๊าซธรมชาติสำรองใต้ดินมาใช้ ขณะที่รัฐบาลเอสโตเนียเตรียมร่วมมือกับชาติอื่นในยุโรปเพื่อสร้างโกดังก๊าซธรรมชาติเหลว LNG terminal ของตัวเองในอีกไม่นานนี้