ท่ามกลางสถานการณ์สงครามในยูเครนและการอพยพที่ทวีความรุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการจับตาขบวนการค้ามนุษย์และผู้ไม่หวังดีที่ต้องการหาผลประโยชน์จากผู้ลี้ภัยชาวยูเครน โดยเฉพาะเด็กและสตรี
รายงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า ยอดผู้ลี้ภัยได้พุ่งสูงถึง 2.5 ล้านคนแล้ว จอง-อาห์ เกดินี-วิลเลียมส์หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ผู้ลี้ภัยทั้งหมดเป็นผู้หญิงและเด็ก ดังนั้น มีความจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงจากการค้ามนุษย์ซึ่งรวมถึงการถูกแสวงประโยชน์และการล่วงละเมิดทางเพศ
ยกตัวอย่างประเทศโปแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้ลี้ภัยมักมุ่งหน้าไปเพราะมีพรมแดนติดกับยูเครน ชายผู้หนึ่งถูกควบคุมตัวหลังได้รับการกล่าวหาว่าเขาข่มขืมผู้ลี้ภัยหญิงวัย 19 ปี ตำรวจชี้ว่าชายผู้นี้ใช้อินเทอร์เน็ตล่อลวงเหยื่อสงครามข้างต้นด้วยการบอกว่าให้ที่พักพิงชั่วคราว เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีโอกาสติดคุกถึง 12 ปีจากการก่ออาชญากรรมร้ายแรง
และอีกกรณีหนึ่งที่ตำรวจสกัดไว้ได้คือการสัญญาว่าจะจ้างงานพร้อมให้ที่พักอาศัยแก่ผู้ลี้ภัยหญิงวัย 16 ปี
เว็บไซต์ The Migration Data Portal ระบุว่า วิกฤตแห่งมวลมนุษยชาติ (humanitarian crisis) ที่เกิดจากสงครามสามารถทำให้กระแสการลักลอบค้ามนุษย์ที่มีอยู่แล้วพุ่งสูงขึ้นหรือเปิดโอกาสให้เกิดกระบวนการใหม่ๆได้ เพราะผู้ลักลอบค้ามนุษย์จะแสวงหาประโยชน์จากครอบครัวและชุมชนที่ไม่สามารถป้องกันตนเองได้
หน่วยงานรักษาความปลอดภัยของประเทศโรมาเนียและโปแลนด์ บอกสำนักข่าวเอพีว่า ทางการมีตำรวจนอกเครื่องแบบที่กวดขันและสอดส่องอาชญากรรมประเภทนี้โดยเฉพาะ เพราะผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ที่เดินทางถึงพรมแดนระหว่างยูเครนกับประเทศต่างๆ มักจะต้องการความช่วยเหลือในการเดินทางไปหาเพื่อนๆ หรือญาติในยุโรป
เช่น ที่เมือง ซีเร็ต (Siret) ที่ตั้งอยู่ตรงชายแดนของประเทศโรมาเนียกับยูเครน เจ้าหน้าที่ได้ไล่ให้ผู้ชายที่พยายามอาสาขับรถไปส่งผู้หญิงและเด็กให้ออกจากพื้นที่ไป หรือที่เมือง เมดีกา (Medyka) อดีตทหาร 7 คนจากฝรั่งเศส ได้รวมกลุ่มกันเพื่อตรวจตราพื้นที่และพบเห็นกลุ่มชายต้องสงสัยพยายามพาผู้หญิงและเด็กจำนวนมากขึ้นรถตู้ เมื่อชายกลุ่มดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่สอบถาม พวกเขาก็แสดงอาการลนลานและรีบหลบหนีออกจากพื้นที่ไป
SEE ALSO: ยูเอ็น เรียกร้องไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติต่อคนต่างชาติที่ลี้ภัยสงครามออกมาจากยูเครนทางด้านผู้ลี้ภัยอย่าง ไอรีน่า ปีปีเพนโก ที่เดินทางมาถึงค่ายลี้ภัยของเมืองซีเร็ตพร้อมกับลูกสองคนของเธอ บอกว่า เพื่อนของเธอที่อาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลินของประเทศเยอรมันที่กำลังพยายามหาบ้านพักอาศัยให้เธอและลูกๆ ได้เตือนให้เธอระวังตัวจากคนที่พยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือหรือข้อเสนอต่างๆให้ และกำชับให้เธอสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของทางการเท่านั้นเพราะมีผู้ไม่หวังดีแฝงอยู่มากในขณะนี้
วแลด เกอร์เฮอ ผู้แทนของประเทศโรมาเนียในรัฐสภายุโรป ได้ตั้งกลุ่มเฟชบุ๊คที่ชื่อว่า United for Ukraine โดยกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกที่พยายามช่วยเหลือผู้ลี้ภัยมากกว่า 250,000 คน เขากล่าวว่า กำลังประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการล่วงละเมิดใดๆต่อผู้ลี้ภัย โดยทุกๆความช่วยเหลือจะได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่โทรศัพท์เช็คความปลอดภัย ถามคำถามต่างๆ และมีการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นก่อนที่ผู้คนเหล่านี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ลี้ภัยได้
รายงานประจำปี 2020 ของคณะกรรมการยุโรปเรื่องการลักลอบค้ามนุษย์ ประเมินว่า ผลกำไรจากการลักลอบค้ามนุษย์ทั่วโลกมีมูลค่าราว 32,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยการค้ามนุษย์เพื่อล่วงละเมิดทางเพศจัดเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมากที่สุดในบรรดา 27 ประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) โดยเหยื่อเกือบ 75% หรือสามในสี่เป็นผู้หญิง และหนึ่งในสี่เป็นเด็ก
คริสตินา มินคูเลสคู นักจิตวิทยาแห่งองค์กร Next Steps Romania ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ กล่าวว่า "ผู้ลี้ภัยจากยูเครนต่างตกอยู่ภายใต้ความเครียด ความบอบช้ำทางใจ ความหวาดกลัว และความสับสน ซึ่งความเปราะบางเหล่านี้ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมในหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่การลักลอบค้ามนุษย์แต่ยังรวมถึงการถูกข่มขืนหรือถูกลักพาตัวอีกด้วย "