ชาวยูเครนหลายหมื่นคนเดินทางถึงภาคตะวันออกของยุโรปเพื่อหนีสงครามในบ้านเกิดจากการบุกโจมตีของกองทัพรัสเซีย โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะมีชาวยูเครนราว 1-5 ล้านคนเดินทางมาถึงประเทศในสหภาพยุโรปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
โดยในครั้งนี้ หลายประเทศแม้แต่โปแลนด์ซึ่งปกติไม่ยอมรับผู้ลี้ภัย ก็ยังเปิดพรมแดนรับชาวยูเครนเข้าประเทศด้วย ในขณะที่มีผู้ลี้ภัยอีกจำนวนมากที่เดินทางเข้าไปในโรมาเนียและสโลวะเกีย
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายยูเครนอายุระหว่าง 18-60 ปี ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ แต่ต้องจับอาวุธเพื่อป้องกันมาตุภูมิ
ประธานคณะกรรมการยุโรป เออร์ชูลา วอน เดอร์ เลเยน ประกาศแผนของสหภาพยุโรปเพื่อสนับสนุนบรรดาผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นฐานชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านทางสำนักงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยุโรป หรือ ECHO
สหประชาชาติหวั่นเกรงว่า อาจมีประชาชนยูเครนมากถึง 5 ล้านคนที่ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน ในจำนวนนี้คาดว่าจะลี้ภัยไปโปแลนด์ราว 3 ล้านคน ซึ่งมากกว่าเมื่อคราวที่เกิดวิกฤตผู้อพยพเมื่อปีค.ศ. 2015 สืบเนื่องจากความขัดแย้งและสงครามในซีเรีย อัฟกานิสถาน และประเทศอื่น ๆ ซึ่งทำให้มีผู้ลี้ภัยเข้าไปในยุโรปราว 1.3 ล้านคนภายใน 1 ปี มากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ในคราวนั้น เยอรมนีต้อนรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศมากที่สุด ในขณะที่ประเทศในยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์และฮังการี ต่างไม่รับหรือพยายามกีดกันผู้ลี้ภัยเหล่านั้น โดยโปแลนด์ได้สร้างกำแพงสูงตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันผู้ลี้ภัยชาวตะวันออกกลางที่เดินทางผ่านมาทางเบลารุสด้วย
แต่ในครั้งนี้ โปแลนด์ตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับชาวยูเครนด้วยความยินดี รัฐมนตรีกิจการภายในของโปแลนด์ กล่าวว่า รัฐบาลโปแลนด์จะรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนทุกคนที่เดินทางมาถึงพรมแดน และมีการจัดตั้งศูนย์รับผู้ลี้ภัยหลายแห่งตลอดแนวพรมแดนติดกับยูเครนที่มีความยาวราว 500 กม.
ส่วนที่ฝรั่งเศส มารีน เลอ เป็ง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคแนวทางอนุรักษ์นิยม กล่าวสนับสนุนให้รัฐบาลรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเข้าประเทศ ซึ่งแตกต่างจากท่าทีเดิมของเธอที่ต่อต้านผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน
บรรดาองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างแสดงความยินดีต่อท่าทีของบรรดาประเทศในยุโรปที่ต่างเปิดประตูต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน แต่ก็แสดงความกังวลในการเลือกปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยกลุ่มต่าง ๆ อย่างไม่เท่าเทียม รวมทั้งความหวั่นเกรงว่าเมื่อสงครามในยูเครนยืดเยื้อออกไป ยุโรปอาจยินดีต้อนรับผู้ลี้ภัยจากยูเครนลดน้อยลงได้เช่นกัน