ประธานาธิบดียูเครนโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เยี่ยมทหารในเมืองเคอร์ซอนที่เป็นอิสระจากการควบคุมของรัสเซียไม่นานนี้ และได้กล่าวต่อทหารว่ายูเครน "พร้อมที่จะเห็นสันติภาพ และความสงบสุขของทุกส่วนในประเทศ"
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทหารรัสเซียถอนทัพออกจากเคอร์ซอนที่อยู่ทางใต้ของประเทศยูเครน ซึ่งการถอยครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของรัสเซียตั้งเเต่เกิดสงครามมาในเดือนกุมภาพันธ์
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งร่วมใประชุมกลุ่มจี-20 อยู่ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย มีถ้อยเเถลงเกี่ยวกับยูเครน ว่า เป็น "ชัยชนะครั้งสำคัญ" ที่ยูเครนยึดเคอร์ซอนคืนมาได้
เขากล่าวว่า ประเทศตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนจะไม่ใช้วิธีบังคับให้เกิดความตกลงใด ๆ เกี่ยวกับยูเครน และกล่าวว่า จะไม่มีข้อตกลงใด ที่เกิดขึ้นโดยปราศจากความยินยอมของยูเครน
กระทรวงกลาโหมอังกฤษกล่าวว่า ในฤดูหนาวที่จะมาถึง การรบจะเปลี่ยนไปมาก โดยน่าจะมีการโจมตีน้อยลง และทหารน่าจะขาดเเรงจูงใจที่จะรบในยามค่ำคืน เพราะระยะเวลาที่เห็นเเสงเเดดต่อวันจะลดลงเหลือไม่ถึง 9 ชั่วโมง เทียบกับ 15-16 ชั่วโมงต่อวัน ณ จุดสูงสุดของฤดูร้อน
ฝ่ายอังกฤษกล่าวว่า เครื่องมือที่เพิ่มศักยภาพในการมองเห็นตอนกลางคืนเป็นสิ่งที่มีค่าในปฏิบัติการทางทหารช่วงหน้าหนาว
นอกจากนั้น อากาศที่หนาวต่ำกว่าจุดเยือกเเข็งในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ จะทำให้ทหารที่ขาดเครื่องนุ่มห่มและที่หลบหนาวที่เหมาะสม อยู่อย่างยากลำบากและอาจเจ็บป่วยด้วย
เมื่อวันอาทิตย์ ปธน.เซเลนสกี กล่าวว่า สถานการณ์ในเคอร์ซอนยังเต็มไปด้วยอันตรายจากกับระเบิด
เขากล่าวว่า "กองทัพรัสเซียก่อความโหดเหี้ยมและทิ้งมันไว้ข้างหลัง เช่นเดียวกับในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศที่เขาบุกเข้ามาได้...ไม่ต้องสงสัยเราจะตามหาฆาตกรและเอาพวกเขามารับผลแห่งการกระทำ"
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนเริ่มนำอาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรคเข้าไปยังเคอร์ซอนแล้ว สองวันหลังจากกองทัพยูเครนเข้าถึงเขตดังกล่าว
มีประชาชนของเคอร์ซอนจำนวน 3ใน 4 ของเมือง ที่อพยพออกจากเคอร์ซอน ไปแล้วจากทั้งหมด 300,000 คน
- ที่มา: วีโอเอ