ทำเนียบขาวเดินหน้าความพยายามส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นไปตามเป้า 200 ล้านคนภายใน 100 วันแรกหลังประธานาธิบดี โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง ด้วยข้อเสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับธุรกิจเอกชนที่อนุญาตให้พนักงานหยุดพักงานไปรับวัคซีนโดยยังได้รับค่าจ้างตามปกติ
สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า ราว 50 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และสถิติการแจกจ่ายวัคซีนอยู่ที่ประมาณ 28 ล้านโดสในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งเป็นระดับอุปสงค์ที่สูงกว่าอุปทาน และทำให้การฉีดวัคซีนเกิดการติดขัดในหลายพื้นที่แล้ว
แต่รายงานข่าวระบุว่า จำนวนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มลดลงบ้าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลกรุงวอชิงตันสั่งระงับการใช้วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของยาตัวนี้ รวมทั้ง การที่ประชาชนเริ่มให้ความสนใจต่อการฉีดวัคซีนน้อยลง แม้ว่าทางการจะประกาศให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปแจ้งความประสงค์รับวัคซีนได้แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของปธน.ไบเดน เชื่อว่า จากนี้ไป ปริมาณวัคซีนที่แจกจ่ายออกไปจะเริ่มลดลงจากระดับราว 3 ล้านเข็มต่อวัน ขณะที่มีพลเมืองอเมริกันราว 130 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย
และแม้ผลสำรวจล่าสุดจะแสดงให้เห็นว่า อาการลังเลที่จะรับวัคซีนของประชาชนเริ่มลดลงจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลเชื่อว่า ยังต้องมีการดำเนินแผนงานที่ทำให้การรับวัคซีนเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับการเจ็บป่วยจากโคโรนาไวรัส จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรีบรับยา
สำหรับมาตรการทางภาษีที่ปธน.ไบเดน เปิดเผยออกมานี้ มีเป้าหมายเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานรวมไม่เกิน 500 คน โดยรัฐบาลจะอนุมัติสิทธิ์การลดหย่อนภาษีสูงสุดเป็นมูลค่า 511 ดอลลาร์ ต่อวัน ต่อพนักงาน 1 คน ที่ได้รับอนุญาตให้ลางานไปรับการฉีดยาหรือหยุดพักเนื่องจากผลกระทบของวัคซีน และยังได้รับค่าจ้างตามปกติ โดยรัฐบาลจะใช้งบประมาณจากกฎหมายช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่ผ่านออกมาใช้งานเมื่อเดือนที่แล้ว มาสนับสนุนแผนงานนี้
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวยังเรียกร้องให้ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และมีทรัพยากรมากพอ ให้ดำเนินนโยบายส่งเสริมการฉีดวัคซีนดังเช่นกรณีของธุรกิจขนาดเล็ก และจัดตั้งโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน รวมทั้งการรณรงค์ให้พนักงานเข้ารับการฉีดยาด้วยเช่นกัน