ทีมงานเฉพาะกิจของทำเนียบขาวที่รับผิดชอบดูแลการระบาดของโคโรนาไวรัส ประกาศแผนลงทุนมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ไปจนถึงระดับรัฐ และระดับประเทศ ในการรับมือกับภัยคุกคามจากไวรัสที่อุบัติขึ้นใหม่ทั้งหลาย ซึ่งรวมถึง การกลายพันธุ์ของโคโรนาไวรัสที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้
ในระหว่างการแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ในวันศุกร์ แพทย์หญิง โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) กล่าวว่า การสำรวจของทางหน่วยงานในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ไวรัสสายพันธุ์ บี-117 ที่พบครั้งแรกในอังกฤษนั้น มีสัดส่วนถึง 44 เปอร์เซ็นต์ของไวรัสที่แพร่ระบาดอยู่ในสหรัฐฯ
พญ.วาเลนสกี คาดด้วยว่า ตัวเลขดังกล่าวน่าจะปรับขึ้นมาใกล้ระดับ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว พร้อมกล่าวว่า ไวรัสกลายพันธุ์ซึ่งมีความสามารถในการแพร่กระจายสูงกว่าไวรัสพันธุ์ดั้งเดิมราว 50-70 เปอร์เซ็นต์ น่าจะเป็นสาเหตุหลักของจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งขึ้นอย่างเร็วอยู่
ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เตรียมแผนลงทุนใหม่ ที่แบ่งงบประมาณมาจากงบของกฎหมายช่วยเหลือโควิดที่เพิ่งผ่านมาใช้งานเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยทางศูนย์ฯ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขอื่นๆ ในการเฝ้าระวังอาการ ติดตาม และจัดการกับไวรัสที่กลายพันธุ์มา รวมทั้งภัยคุกคามจากไวรัสอื่นๆ ที่อาจอุบัติขึ้นในอนาคต
นอกจากนั้น พญ.วาเลนสกี กล่าวว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาอิสระด้านการสร้างภูมิคุ้มกันของ CDC ได้ออกคำแนะนำให้มีการพักการใช้วัคซีนจากบริษัทยา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต่อไป อย่างน้อยอีก 1 สัปดาห์ ขณะที่ คณะกรรมการนี้จะขอทบทวนดูกรณีปัญหาอื่นๆ ของคนไข้ที่ได้รับยาชนิดนี้ เพื่อที่จะประเมินตัววัคซีนให้เสร็จสิ้น
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา CDC และสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ออกคำแนะนำให้มีการพักการใช้วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังพบว่า เกิดปัญหาลิ่มเลือดแข็งตัว 6 กรณี ในผู้หญิงที่ได้รับวัคซีนนี้ไปแล้ว
พญ.วาเลนสกี กล่าวว่า คณะกรรมการนี้จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 23 เมษายน และจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมออกมาด้วย