องค์การอนามัยโลก หรือ WHO รายงานว่า ชาวยุโรปผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสรายใหม่ที่มีอายุเกิน 80 ปี กำลังลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว
ฮานส์ คลู้ก ผู้อำนวยการ WHO ภาคพื้นยุโรป กล่าวในวันพฤหัสบดีระหว่างการแถลงข่าวในกรุงเอเธนส์ ยกย่องโครงการฉีดวัคซีนทั่วยุโรปว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้สูงอายุที่ติดเชื้อลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูง คือเฉลี่ย 1.6 ล้านคนต่อสัปดาห์ หรือมากกว่า 9,500 คนทุกหนึ่งชั่วโมง
ฮานส์ คลู้ก กล่าวว่า ขณะนี้แผนกดูแลผู้ป่วยหนัก หรือ ไอซียู ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วยุโรปต่างมีผู้ป่วยโควิด-19 ล้นเกินจำนวนที่สามารถรองรับได้ เช่น ที่ฝรั่งเศส จำนวนผู้ป่วยในแผนกไอซียูเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปีแล้ว
ผู้อำนวยการ WHO ภาคพื้นยุโรป ระบุว่า เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดกำลังลดลงในหลายประเทศ ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบบาลนำมาใช้อย่างเคร่งครัด รวมถึงการเว้นระยะห่างกับผู้อื่น การสวมหน้ากาก และการเข้ารับวัคซีนโควิด
คลู้ก ยังได้กล่าวถึงอาการข้างเคียง คือการเกิดลิ่มเลือดจากการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ว่าทาง WHO และคณะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของวัคซีน Global Advisory Committee on Vaccine Safety กำลังตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ในเรื่องนี้ และขอให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปช่วยส่งรายงานผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีนมายังองค์การอนามัยโลกด้วย แต่จนถึงตอนนี้ ตนเชื่อว่าความเสี่ยงด้านสุขภาพจากโควิด-19 นั้นมีมากกว่าการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาอย่างแน่นอน และ WHO ยังคงแนะนำให้ใช้วัคซีนนี้ต่อไป
ถึงกระนั้น หลายประเทศในยุโรปได้ระงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาแล้วชั่วคราว ขณะที่เดนมาร์กเป็นประเทศแรกที่ประกาศยกเลิกการใช้วัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาอย่างถาวรเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
