ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เริ่มกำหนดการเยือนเอเชียในวันพฤหัสบดี โดยจะแวะที่สองประเทศ คือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ถือเป็นการเยือนเอเชียครั้งแรกของผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันหลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว
ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ปธน.ไบเดน จะพบหารือกับประธานาธิบดียูน ซุก-ยอล ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ท่ามกลางปัญหาการระบาดของโควิด-19 และการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ผู้นำสหรัฐฯ จะร่วมหารือกับบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกจตุภาคี "Quad" ได้แก่ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ, นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนธรา โมดี และนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งอาจเป็นนายกฯ คนปัจจุบัน สก็อตต์ มอร์ริสัน หรือคู่แข่ง แอนโธนี อัลบานีส ขึ้นอยู่กับว่าใครชนะการเลือกตั้งในวันเสาร์นี้
การประชุมกลุ่ม Quad ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สี่นับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือในแถบอินโด-แปซิฟิก ขึ้นมาเพื่อคานอำนาจจีนเมื่อปีค.ศ. 2017
ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในแถบอินโด-แปซิฟิก รวมถึงการเยือนเอเชียครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคนี้ยังคงมีความสำคัญในอันดับต้น ๆ ของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ในสมัยประธานาธิบดีไบเดน และจีนยังคงเป็นความท้าทายด้านยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด แม้ในขณะที่กำลังเกิดสงครามในยูเครนก็ตาม
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของปธน.ไบเดน กล่าวว่า ความร่วมมือ "ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก" และ "ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก" กับบรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯ ในขณะนี้ คือการสร้าง "บูรณาการ" และ "การพึ่งพากันและกัน" ในเชิงยุทธศาสตร์
"ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของประธานาธิบดีไบเดนในการร้อยเรียงทั้งสองฝั่งมหาสมุทรเข้าด้วยกันนั้น จะกลายเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดนี้" ซัลลิแวนกล่าว
จับตามอง 5 ประเด็นสำคัญระหว่างไบเดนเยือนเอเชีย
1. การคานอำนาจจีน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ปธน.ไบเดนจะใช้โอกาสนี้ในการยืนยันพันธะกิจของสหรัฐฯ ในการทำให้แถบอินโด-แปซิฟิก เสรีและเปิดกว้าง และใช้วิกฤติในยูเครนเป็นตัวอย่างว่าการใช้กำลังทหารเพื่อเปลี่ยนสถานะของประเทศใดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ทั้งในเอเชียและยุโรป
โรเบิร์ต ดาลีย์ ผอ. Kissinger Institute on China and the United States ของ Wilson Center กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีแรงสนับสนุนไต้หวันมากมายทั่วภูมิภาคนี้ พร้อมกับการแสดงศักยภาพของพันธมิตรที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ในลักษณะเดียวกับความร่วมมือของสหรัฐฯ กับยุโรปในสงครามยูเครน
นอกจากนี้ ประเทศจตุภาคีกลุ่ม Quad จะหารือกันเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และการจัดทำข้อตกลงด้านความมั่นคงฉบับล่าสุดระหว่างจีนกับหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจตั้งฐานทัพในน่านน้ำที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และสร้างภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อออสเตรเลียที่มีพรมแดนทางทะเลติดกับหมู่เกาะโซโลมอนได้
ชาร์ลส เอเดล แห่ง Center for Strategic and International Studies กล่าวกับวีโอเอว่า การพัฒนาของกองทัพจีนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กดดันให้ประเทศในกลุ่ม Quad ต้องเร่งพัฒนากองทัพของตนเช่นกัน และการที่จีนทุ่มงบประมาณลงไปในด้านกลาโหมก็ส่งผลให้หลายประเทศในภูมิภาคนี้ รวมทั้งสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และไต้หวัน ต่างเพิ่มการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ด้วย
2. แนวร่วมต่อต้านรัสเซีย
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปธน.ไบเดน จะพยายามหาแนวร่วมในเอเชียเพื่อเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จากการรุกรานยูเครน
ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรเข้มแข็งที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย ได้ใช้มาตรการลงโทษทางการเงินและการส่งออกต่อรัฐบาลรัสเซีย รวมทั้งลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย และเสนอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ยูเครน นอกจากนี้ยังร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางทหารกับอังกฤษเพื่อให้สามารถส่งทหารไปร่วมฝึกและซ้อมรบกับอังกฤษได้
ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ได้จัดหาความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนและสนับสนุนให้ประชาคมโลกใช้มาตรการลงโทษต่อรัสเซีย แต่มิได้ประกาศลงโทษโดยตรง แต่ประธานาธิบดีคนใหม่ได้รับปากไว้ว่าจะเพิ่มความร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจหมายถึงการเปิดโอกาสให้ปธน.ไบเดน ขอความสนับสนุนจากเกาหลีใต้ในเรื่องที่เกี่ยวกับยูเครนได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่า ไม่ว่าผู้มัครคนใดจะชนะการเลือกตั้งของออสเตรเลีย ทั้งคู่ต่างมีนโยบายกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อยูเครนและรัสเซียที่ใช้อยู่ในขณะนี้ คือการจัดหาความช่วยเหลือด้านการทหารและด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการลงโทษรัสเซีย
สำหรับอินเดียนั้นค่อนข้างแตกต่างจากประเทศอื่นที่กล่าวมาในประเด็นรัสเซีย อพาร์นา พันเด ผอ. Hudson Institute's Initiative on the Future of India and South Asia ให้ความเห็นว่า สหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่ายังไม่สามารถกดดันอินเดียมากเกินไปในเรื่องนี้ เนื่องจากอินเดียมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ และเป็นคู่แข่งสำคัญของจีนในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าวกับวีโอเอว่า การที่อินเดียระงับการเจรจาซื้อเฮลิคอปเตอร์ 10 ลำจากรัสเซียเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของสงครามในยูเครน อาจเปิดโอกาสให้กลุ่ม Quad โน้มน้าวรัฐบาลอินเดียให้มีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียมากขึ้นได้
3. กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก
ที่กรุงโตเกียว ปธน.ไบเดน มีกำหนดเปิดตัวกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework - IPEF) ซึ่งเป็นความพยายามสร้างเขตเศรษฐกิจเสรีข้ามแปซิฟิกแทนข้อตกลง Trans-Pacific Partnership (TPP) ที่สหรัฐฯ ถอนตัวไปเมื่อปีค.ศ. 2017 ในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์
อย่างไรก็ตาม การจัดทำกรอบเศรษฐกิจ IPEF นี้ยังต้องมีการหารือกันอีกมาก โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับมาตรฐานต่าง ๆ ที่จะนำมาบังคับใช้ นอกจากนี้ คาดกันว่า IPEF จะยังไม่แตะเรื่องการยกเลิกกำแพงการค้าระหว่างประเทศสมาชิก เช่น มาตรการลดภาษีหรือการเปิดตลาดสินค้าอย่างเสรี เนื่องจากบรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐฯ และสมาชิกพรรคเดโมแครตในรัฐสภา ยังคงเกรงว่าการเปิดตลาดอเมริกาเพื่อรับสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้นนั้น อาจส่งผลกระทบต่อคะเนนเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมช่วงปลายปีนี้ได้ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าประเด็นนี้ทำให้ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในแถบเอเชียยังคงขาดอิทธิพลและแรงจูงใจเมื่อเทียบกับจีน
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ใช้วิธีเลือกประเทศที่จะเข้าร่วมกับ IPEF โดยให้อำนาจประเทศสมาชิกในการเข้าร่วมเฉพาะในส่วนของมาตรฐานจำเพาะที่ประเทศนั้นสนใจและเห็นว่าสอดคล้องกับผลประโยชน์ของตนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วม รวมทั้ง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย
4. วิกฤติเกาหลีเหนือ
ประเด็นความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีและการระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีเหนือ ยังเป็นประเด็นสำคัญในการเยือนเอเชียครั้งนี้ด้วย
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของปธน.ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯ เตรียมพร้อมกับทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการยั่วยุจากเกาหลีเหนือในขณะที่ปธน.ไบเดนเยือนกรุงโซลหรือกรุงโตเกียวด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธรอบใหม่ในช่วงเดียวกับที่มีการประกาศพบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสหลายรายในกรุงเปียงยาง นำไปสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าอาจเป็นโอกาสที่ประชาคมโลกจะเสนอความช่วยเหลือแก่เกาหลีเหนือเพื่อรับมือการระบาด และนำเปียงยางกลับเข้าสู่การหารือกับสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ มากขึ้น
5. รับมือการระบาดโควิด-19
เมื่อปีที่แล้ว ประเทศจตุภาคีกลุ่ม Quad ประกาศความร่วมมือจัดหาวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1,000 ล้านโดสให้แก่ประเทศในแถบอินโด-แปซิฟิกภายในปี 2022 โดยคาดว่าในการประชุมที่กรุงโตเกียวครั้งนี้ กลุ่ม Quad จะหารือกันเรื่องการแก้ปัญหาการแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวซึ่งชะงักงันอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ คาดว่า ปธน.ไบเดน จะหารือกับบรรดาผู้นำในเอเชียเรื่องภาวะโลกร้อน ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และการแก้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานสินค้า โดยเฉพาะชิปคอมพิวเตอร์ ระหว่างการเยือนเอเชียครั้งนี้ด้วย
- ที่มา: วีโอเอ