หนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคเอเชีย คืออาหารริมทาง หรือ Street Food ที่มักจะมีรสชาติถูกปาก และมีราคาต่อจานคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค แต่เสน่ห์ดังกล่าวกำลังถูกท้าทายจากภาวะกดดันทางเศรษฐกิจ ที่เป็นผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน
ผู้ประกอบการอาหารริมทาง หรือ Street Food ทั่วเอเชีย ที่มอบความอร่อยถูกปากและราคาถูกกระเป๋า ต่างออกมาสะท้อนความคิดเห็นและการรับมือต่อสถานการณ์ราคาอาหารที่กำลังพุ่งสูงขึ้น อย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
อย่างเช่น ร้านอาหารหม้อไฟ ที่ชื่อว่า หม่าฮอง ในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน เจ้าของธุรกิจอธิบายว่า ในปีนี้กำไรของทางร้านลดลงราวร้อยละ 20 ตั้งแต่เปิดกิจการเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ราคาเนื้อวัวยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 50 ส่วนต้นทุนราคาวัตถุดิบสำคัญอื่นๆ ก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นไปพร้อมกัน
นายหม่า เจ้าของร้านดังกล่าว เปิดเผยว่า แม้ต้นทุนต่างๆ จะปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ทางร้านของเขายังคงขายราคาเดิม และเขาไม่ได้เผชิญปัญหานี้โดยลำพัง เพราะผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารทั่วกรุงปักกิ่งของจีน ต่างต้องอดทนรับมือกับผลกระทบหลายด้านที่บีบคั้น ณ ขณะนี้
ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งจากการระบาดของโควิด-19 และการขาดแคลนสินค้าจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกที่ตึงตัวได้ดันต้นทุนราคาสินค้ารวมถึงอาหารให้ปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุด สถานการณ์บุกยูเครนของรัสเซียได้กดดันให้ราคาสินค้าทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นไปอีก
เวลานี้ผู้ประกอบการภัตตาคารและร้านอาหารริมทางทั่วเอเชียกำลังเผชิญกับทางเลือกอันยากลำบาก ระหว่างการคงราคาอาหารเดิมเอาไว้และสูญเสียกำไรที่เคยได้ กับการปรับขึ้นราคาอาหารแต่ต้องสูญเสียฐานลูกค้าไป
บางธุรกิจอาจยังพยุงราคาไว้ได้ แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จะสามารถตรึงราคาต่อจานให้เท่าเดิม หลายแห่งจำเป็นต้องตัดสินใจปรับราคาขายให้สูงขึ้น
มูฮัมหมัด อิลยาซ พ่อครัวร้านข้าวหมกบิรยานี (Biryani) ที่นครการาจี ประเทศปากีสถาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ราคาของเมนูดังกล่าว อยู่ที่ราว 400 รูปีปากีสถาน หรือประมาณ 74 บาทต่อปริมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาแล้วเกือบเท่าตัว
อิลยาซ ระบุว่า ตั้งแต่เขาเป็นพ่อครัวมา 15 ปี ช่วงเวลานี้ราคาข้าวและเครื่องเทศต่างๆ พุ่งสูงขึ้นมากเสียจนคนที่ยากจนในปากีสถานจะไม่สามารถซื้อหามารับประทานได้เหมือนที่ผ่านมา
ส่วนที่เกาหลีใต้ เจ้าของร้านผักดองกิมจิ ชอย ซุน ฮวา บอกว่า เธอไม่มีทางเลือกและจำเป็นที่จะต้องเพิ่มราคาขาย แม้ในอดีตกิมจิจะเป็นอาหารที่มีราคาไม่แพงนักและมักจะเสิร์ฟเคียงกับอาหารหลักโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อในเกาหลีใต้ ที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี ส่งผลให้วัตถุดิบหลักของกิมจิอย่างผักกาดขาว มีราคาต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมาก จนทุกวันนี้ลูกค้าบางคนถึงกับพูดเชิงหยอกล้อว่า กิมจิแทบจะมีค่าดั่งทองคำ และร้านต่างๆมักจะจำกัดปริมาณ
ในขณะที่บางธุรกิจเลือกที่จะตรึงราคาขายแต่ลดปริมาณอาหารต่อจาน เพื่อรับมือกับราคาต้นทุนที่สูงขึ้น ชารูล ไซนูลลา ที่มีร้านอาหารริมทางในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เล่าว่า แทนที่จะเพิ่มราคาขาย หรือเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพลดลง ทางร้านของเขาเลือกที่จะลดปริมาณอาหาร เพื่อชดเชยกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ฝั่งลูกค้าประจำของร้านอาหารริมทาง อย่างเช่น สตีเฟน ชาง ลูกค้าประจำของร้าน จัสท์ นูดเดิลส์ ร้านบะหมี่ในกรุงไทเป ของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เขาต้องปรับการใช้ชีวิตและพิจารณาการใช้จ่ายมากขึ้น ด้วยการลดจำนวนการทานอาหารนอกบ้าน และเลือกทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้นนี้ ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบของราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ที่กำลังสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อวิถีการกินของคนเอเชีย