สหรัฐฯ ประกาศลงโทษทางเศรษฐกิจรัฐบาลทหารเมียนมาเพิ่มเติม

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศการดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกและผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารเมียนมา ด้วยเหตุผลการมีส่วนร่วมในการใช้ความรุนแรงเพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหาร

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า มาตรการลงโทษรอบล่าสุดนี้จะมีผลต่อสมาชิกของสภาบริหารแห่งรัฐ หรือ State Administrative Council (SAC) สมาชิกคณะรัฐมนตรี และลูกหลานวัยผู้ใหญ่ของเจ้าหน้าที่กองทัพบางราย โดยจะร่วมมือกับรัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลแคนาดาในการดำเนินการลงโทษแบบเดียวกันด้วย

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯ จะเดินหน้าผลักดันให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดต่อเหตุรัฐประหารออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง และว่าการลงโทษรอบล่าสุดนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสหรัฐฯ และของประเทศหุ้นส่วนทั้งหลายในการดำเนินการสร้างความกดดันทางการเมืองให้แก่รัฐบาลทหารเมียนมาจนกว่ายุติการใช้ความรุนแรงต่างๆ และทำการใดๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการเคารพปณิธานของประชาชนในประเทศ

นอกจากนั้น รมต.บลิงเคน ยังเรียกร้องให้นานาประเทศดำเนินมาตรการแบบเดียวกันต่อกองทัพเมียนมา เช่น การสั่งห้ามซื้อขายอาวุธ และการระงับความร่วมมือที่ทำไว้กับองค์กรที่กองทัพเป็นเจ้าของ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีกำหนดจัดประชุมในวันอังคารเพื่อหารือการลงมือปฏิบัติการตามร่างมติ ที่เสนอโดยประเทศลิกเตนสไตน์ และได้รับเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกอีกเกือบ 50 ประเทศ ที่ประณามกองทัพเมียนมาที่ทำการเข่นฆ่าผู้ประท้วง

สเตฟาน ดูยาร์ริค โฆษกองค์การสหประชาชาติกล่าวในวันจันทร์ว่า นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีพลเรือนเมียนมาเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 797 คน ซึ่งรวมถึงเด็กๆ จำนวนหลายสิบคน ด้วยน้ำมือของกองกำลังความมั่นคงเมียนมา

ในร่างมติล่าสุด ที่ไม่ได้มีผลบังคับให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตาม มีการเรียกร้องให้ดำเนินการสั่งห้ามการซื้อขายอาวุธรบกับเมียนมา และขอให้รัฐบาลทหารเคารพผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมทั้งให้อนุญาตให้ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติเดินทางเข้าเมียนมาเพื่อสังเกตการณ์ และให้กองทัพเมียนมาหยุดการขัดขวางการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วย