สหรัฐฯ เดินหน้ากดดันอิสราเอลให้ปกป้องเขตมนุษยธรรมในกาซ่า 1 วันหลังจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพเทลอาวีฟ ถล่มโรงเรียนยูเอ็นที่เป็นแหล่งพักพิงของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่นจากสงคราม คร่าชีวิต 14 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของยูเอ็น 6 คนด้วย
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงวอร์ซอ โปแลนด์ว่า “เราต้องการจะเห็นเขตมนุษยธรรมได้รับการปกป้อง และนั่นเป็นสิ่งที่เราจะเดินหน้าหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกับอิสราเอล” และว่า “ในเวลาเดียวกัน เรายังคงเห็นฮามาสหลบซ่อน เข้ายึดครอง และใช้พื้นที่เหล่านี้เพื่อปฏิบัติการของพวกเขาและก่อภัยคุกคามที่ดำเนินอยู่ และนั่นแน่นอนว่า เป็นสิ่งที่ต้องยุติได้แล้ว เพราะการกระทำเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อผู้บริสุทธิ์”
รัฐมนตรีบลิงเคน เสริมว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ “ยังเป็นการตอกย้ำอีกครั้ง ถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง” เพื่อระงับสงครามอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งเข้าสู่เดือนที่ 12 แล้ว
องค์การอนามัยโลก ระบุในวันพฤหัสบดีว่าได้อพยพเกือบ 100 คนออกจากฉนวนกาซ่าไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทางหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ชี้แจงว่าเป็นการส่งตัวไปด้วยเหตุผลทางการแพทย์ พร้อมเรียกร้องให้มีการจัดตั้งระเบียงด้านสาธารณสุขขึ้นมาในกาซ่า
ริค พีเพอร์คอร์น เจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์การอนามัยโลกในดินแดนปาเลสไตน์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า “กาซ่าจำเป็นต้องมีระเบียงด้านสาธารณสุข” และว่า “เราต้องการระบบที่มีการจัดการที่ดีขึ้นและยั่งยืนกว่าที่เป็นอยู่” พร้อมเสริมด้วยว่ามีผู้คนในกาซ่าอีก 10,000 รายที่ยังรอการส่งไปรักษาตัว
ทางอนามัยโลก ยังได้ออกรายงานในวันเดียวกันนี้ว่า 1 ใน 4 ของผู้บาดเจ็บในสงครามกาซ่า “ได้รับการประเมินว่าจะได้รับบาดเจ็บในระดับที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไปและต้องการการบำบัดฟื้นฟูในตอนนี้และอีกหลายปีจากนี้” โดยผู้บาดเจ็บที่แขนขาอย่างรุนแรงเป็นอันดับต้น ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟู และยังพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้บาดเจ็บที่ไขสันหลัง บาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรง และแผลไฟไหม้รุนแรง อีกทั้งผู้บาดเจ็บลักษณะนี้ “หลายพันชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็ก”
หน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ เน้นย้ำถึงความท้าทายในการจัดส่งการดูแลด้านสาธารณสุขที่จำเป็นในพื้นที่เนื่องจากปัญหาความไม่มั่นคงปลอดภัย การขาดอุปกรณ์การแพทย์และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น การโจมตีที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง และคำสั่งอพยพฉุกเฉินที่ทำให้สถานพยาบาลไม่สามารถดำเนินการได้อย่างปกติ
อีกด้านหนึ่งในวันพฤหัสบดี ตุรกีเปิดการสืบสวนสอบสวนการสังหารนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันเชื้อสายตุรกีโดยทหารอิสราเอล ที่เกิดขึ้นในเขตเวสต์แบงก์ โดยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตุรกี ยิลมาซ ทุนซ์ กล่าวว่า ตุรกีจะเปิดเผยข้อมูลการสืบสวนต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (International Court of Justice) หรือ ICJ พร้อมเรียกร้องให้สหประชาชาติเปิดการสืบสวนในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ไอเซนูร์ เอซกิ เอย์กิ นักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันเชื้อสายตุรกี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ระหว่างการเดินขบวนของกลุ่มสนับสนุนปาเลสไตน์เมื่อสัปดาห์ก่อน กองทัพอิสราเอลระบุว่าทหารของตนน่าจะยิงเธอ “อย่างอ้อม ๆ และเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ”
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่าจะต้องมี “ผู้ที่รับผิดชอบ” และว่าอิสราเอล “ต้องทำมากกว่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตุรกี กล่าวว่า ร่างของเอย์กิจะมาถึงตุรกีในวันศุกร์ เพื่อประกอบพิธีฝังในเมืองดิดิม
ทั้งนี้ สงครามกาซ่ารอบใหม่ เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มฮามาส ที่สหรัฐฯ อังกฤษ และสหภาพยุโรป ระบุให้เป็นกลุ่มก่อการร้าย เปิดฉากโจมตีตอนใต้อิสราเอล เมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน คร่าชีวิต 1,200 คน และจับ 250 คนเป็นตัวประกัน และการตอบโต้กลับของอิสราเอลคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ในกาซ่ามากกว่า 41,100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก แต่อิสราเอลระบุว่ายอดเสียชีวิตดังกล่าวนั้นมีกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อยู่ด้วย
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพีและเอเอฟพี
กระดานความเห็น