ศาลสูงฟิลิปปินส์มีคำตัดสินลงมาเมื่อวันอังคาร เข้าข้างข้อตกลงทวิภาคีส่งเสริมความร่วมมือการป้องกันประเทศระหว่างสหรัฐกับฟิลิปปินส์
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ นาย John Kerry กล่าวที่กรุงวอชิงตัน แสดงความยินดีต่อคำพิพากษาของศาลสูงฟิลิปปินส์ และยืนยันว่าข้อตกลงฉบับนี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของฟิลิปปินส์
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวต่อไปว่า ข้อตกลงนี้จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ในขณะที่จะช่วยปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มสมรรถนะในการตอบรับภาวะฉุกเฉินทางด้านมนุษยธรรมด้วย
ในวันอังคารเดียวกันนี้ที่กรุงวอชิงตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ยังได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทั้งสองของฟิลิปปินส์ด้วย ในเรื่องความร่วมมือระหว่างกันต่อไปตามข้อตกลงฉบับนี้
เจ้าหน้าที่ของฟิลิปปินส์กล่าวว่า ประเด็นสำคัญอันหนึ่งของการหารือที่ว่านี้คือ ฟิลิปปินส์จะขอให้สหรัฐดำเนินการเดินเรือลาดตระเวณต่อไปในทะเลจีนใต้ เพื่อรับประกันเสรีภาพในการเดินเรือ เพราะทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ทั้งทางการทหารและเชิงพาณิชย์
แต่ปฏิบัติการดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในลักษณะใดนั้น นักวิเคราะห์ Bonnie Glaser ผู้อำนวยการโครงการ China Power ของ Center for Strategic and International Studies (CSIS) ที่กรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า การเดินเรือลาดตระเวณดังกล่าวควรทำอย่างเงียบๆ และไม่เป็นการยั่วยุ
นักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าวต่อไปด้วยว่า การเดินเรือลาดตระเวณตามน่านน้ำต่างๆ ในโลก เป็นเรื่องปกติวิสัย และถือว่าเป็นการแสดงเสรีภาพในการเดินเรือ
ในขณะที่ Dean Cheng นักวิจัยอาวุโสของ Heritage Foundation ในกรุงวอชิงตัน ย้ำว่า จุดยืนของสหรัฐในการเดินเรือลาดตระเวณ คือเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลหลวงสำหรับเรือเดินทะเลของทุกประเทศ และเป็นการปฏิเสธคำกล่าวอ้างสิทธิ์อธิปไตยของประเทศที่พยายามขยายสิทธิ์ดังกล่าว เข้าไปตามบริเวณน่านน้ำนานาชาติ
และว่าสหรัฐไม่เข้าข้างใครในการกล่าวอ้างสิทธิ์เช่นนั้น
เป็นที่คาดว่า ประเด็นอื่นๆ ในการหารือระหว่างสหรัฐกับฟิลิปปินส์ครั้งนี้ จะรวมถึงการซื้อขายอาวุธในอนาคต และการดำเนินการอื่นๆ ของสหรัฐในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกด้วย