สหรัฐฯ และอีก 13 ชาติ ร่อนแถลงการณ์ร่วม แสดงความกังวลถึงรายงานขององค์การอนามัยโลก ว่าด้วยการสืบหาต้นตอของโคโรนาไวรัส โควิด-19
แถลงการณ์ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่มีอีก 13 ประเทศร่วมลงนาม แสดงความกังวลต่อการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ เกี่ยวกับต้นตอของโควิด-19 โดยชี้ว่ารายงานฉบับดังกล่าวมีความล่าช้าและขาดการเข้าถึงข้อมูลดั้งเดิมที่สมบูรณ์ครบถ้วน
แถลงการณ์ร่วมจากสหรัฐฯและอีก 13 ชาติ ยังระบุด้วยว่า ภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ในรูปแบบนี้ควรดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไขที่พวกเขาสามารถนำเสนอข้อมูลการค้นพบที่เป็นอิสระและเป็นกลาง เพื่อให้สามารถปูทางสู่การศึกษาในขั้นต่อไป เพื่อรับมือกับวิกฤตสาธารณสุขในอนาคตได้อย่างทันท่วงทีและมีความโปร่งใส
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นตัวแทนออกแถลงการณ์ร่วมกับอีก 13 ชาติ ได้แก่ ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย อิสราเอล ญี่ปุ่น ลัตเวีย ลิทัวเนีย นอร์เวย์ เกาหลีใต้ และสโลเวเนีย
แถลงการณ์นี้ มีขึ้นไม่นานหลังจากองค์การอนามัยโลก ออกรายงานที่ทั่วโลกรอคอยเมื่อวันอังคาร ว่าด้วยการสืบค้นต้นตอของโคโรนาไวรัส โดยระบุว่า อนามัยโลกยังไม่ค้นพบแหล่งที่มาของไวรัสที่นำไปสู่การระบาดใหญ่ทั่วโลกในครั้งนี้ และว่าทีมงานของอนามัยโลก พบอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลดิบ และปัญหาอื่นๆ ระหว่างการเยือนเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อต้นปีนี้ จากที่ทีมนักวิจัยนานาชาติจากองค์การอนามัยโลก ถูกบังคับให้ต้องรอไปหลายวัน ก่อนจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้เข้าไปยังเมืองอู่ฮั่น
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO นายเทดรอส อัดนอม เกเบรเยซุส ระบุในวันอังคาร ยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาและข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าไวรัสแพร่ระบาดไปสู่มนุษย์ผ่านระบบห่วงโซ่อาหาร หรือจากสัตว์ในป่า หรือจากสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์มทั่วไปกันแน่
นอกจากนี้ ผอ.ใหญ่อนามัยโลก ยังระบุว่า แม้ทีมงานจะสรุปเบื้องต้นว่า สมมติฐานะเรื่องไวรัสหลุดรอดจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ อาจมีความเป็นไปได้น้อยมาก ประเด็นนี้ก็ยังอยู่ในการสืบสวนเพิ่มเติมต่อไป
ด้านหัวหน้าทีมสืบค้นต้นตอโควิด-19 เบน เอ็มบาเร็ค กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันอังคารด้วยว่า มีความเป็นไปได้ว่า โควิด-19 อาจเริ่มแพร่ระบาดในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือ ตุลาคม ปี 2019 ในเมืองอู่ฮั่น ก่อนที่จะพบรายงานผู้ติดเชื้อที่ได้รับการบันทึกไว้ในช่วงเดือนธันวาคม 2019