ผู้นำสหภาพยุโรป หรือ อียู เข้าร่วมกับองคการอนามัยโลก และผู้นำจาก 23 ประเทศในการแสดงจุดยืนสนับสนุนความพยายามครั้งใหม่ในการรับมือกับเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขการแพทย์โลกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในการสนับสนุนแผนงานใหม่นี้ ทุกฝ่ายร่วมลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยภาวการณ์ระบาดใหญ่นานาชาติในวันอังคาร โดยเอกสารนี้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดของ ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรป ที่นำเสนอมาระหว่างการประชุมสุดยอด จี-20 เมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว เพื่อให้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงวัคซีน ยารักษาโรค และการวินิจฉัยโรคในกรณีการเกิดการระบาดใหญ่ ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐน จีน และรัสเซียไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาใหม่นี้
ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมผ่านระบบออนไลน์จากกรุงบรัสเซลส์ และนครเจนีวา ในวันอังคาร ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรป กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้สังคมโลกตระหนักถึงจุดอ่อนและความแตกแยกระหว่างกัน ดังนั้น เวลานี้คือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทุกฝ่ายจะหันหน้าเข้าหากันและรวมใจเป็นสมาชิกชุมชนโลกเดียวกัน เพื่อสร้างระบบต่อต้านการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างสำหรับคนยุคต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส กล่าวว่า สนธิสัญญาฉบับใหม่นี้ จะช่วยแก้ปัญหาช่องว่างต่างๆ ที่ โควิด-19 เปิดเผยให้ทั่วโลกรับรู้ พร้อมๆ กับเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการจัดการกฎระเบียบด้านสาธารณสุขโลก และช่วยนำเสนอกรอบความร่วมมือในหลายเรื่อง เช่น การป้องกันและการปฏิบัติการรับมือการระบาดใหญ่ทั่วโลก
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยด้วยว่า ก่อนจะมีการจัดทำสนธิสัญญานี้ขึ้นมา ประเทศสมาชิกทั้งหมด ซึ่งรวมถึง สหรัฐฯ และจีน ได้ร่วมกันหารือรายละเอียดกันมาแล้ว และทุกฝ่ายแสดงจุดยืนด้านบวกต่อข้อเสนอทั้งหมด
