การสำรวจระดับประเทศ ที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี พบว่า ผู้คนในอเมริกา ดื่มกาแฟลดลง ในช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส โควิด-19
การสำรวจจากสมาคมกาแฟแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ National Coffee Association (NCA) พบว่า 58% ของผู้คนในสหรัฐฯ ดื่มกาแฟอย่างน้อย 1 แก้วต่อวัน ซึ่งลดลงจาก 62% เมื่อช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในการสำรวจนี้ ยังพบว่า ผู้คนในสหรัฐฯ เลือกดื่มกาแฟในตอนเช้ามากที่สุด ขณะที่สัดส่วนการดื่มกาแฟในตอนบ่ายคล้อย ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับการออกไปจิบกาแฟตามร้านต่างๆ ลดลงไปราว 4% ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการดื่มกาแฟที่ลดลงของผู้คนในอเมริกา ไม่ได้บ่งชี้ถึงปริมาณการบริโภคกาแฟในสหรัฐฯ ที่ถือเป็นตลาดใหญ่ของกาแฟ เพราะมีรายงานว่า ผู้คนที่ต้องทำงานอยู่กับบ้านในช่วงปีที่ผ่านมา มีพฤติกรรมการดื่มกาแฟที่มากกว่าช่วงอยู่ในที่ทำงานปกติ ขณะเดียวกัน บรรดาบริษัทผลิตกาแฟรายใหญ่ในสหรัฐฯ ต่างชูตัวเลขยอดขายกาแฟที่เพิ่มขึ้นในอเมริกา ช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เสียด้วย
อีกทั้งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ยอดขายกาแฟที่เพิ่มขึ้น จะช่วยชดเชยสัดส่วนการบริโภคกาแฟนอกบ้านที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาได้หรือไม่
ในการสำรวจนี้ ถามถึงมุมมองของผู้คนในอเมริกาต่อการออกไปซื้อหากาแฟดื่มข้างนอกบ้านหลังการระบาดของโควิด-19 และพบว่า 33% ในการสำรวจ รู้สึกสบายใจที่จะออกไปซื้อกาแฟนอกบ้าน ส่วนอีก 31% ยังไม่มั่นใจนักและอยากจะรอให้การระบาดของโควิด-19 สิ้นสุดไปเสียก่อน
Bill Murray ประธานสมาคมกาแฟแห่งชาติสหรัฐฯ บอกว่า กาแฟยังคงเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของชาวอเมริกันเสมอมา แม้ว่าประเทศจะเผชิญกับมาตรการล็อคดาวน์ หรือการปิดร้านกาแฟมากมายในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าการบริโภคกาแฟจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19