เมื่อวันจันทร์ที่ 26 เมษายน ในสหรัฐฯ สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรหรือ US Census Bureau เผยถึงการเติบโตของประชากรอเมริกันประมาณ 7.4 เปอร์เซ็นต์ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 331 ล้านคน
การนับจำนวนประชากรมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลจะใช้ตัวเลขดังกล่าวในการคำนวณสมาชิกผู้แทนราษฎรจากแต่ละรัฐและงบประมาณต่างๆตามความเหมาะสม
ผลสำรวจของทศวรรษล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มตัวของจำนวนประชากรในอัตราที่ต่ำเป็นอันสองในประวัติศาสตร์อเมริกา รองลงมาจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในทศวรรษที่ 1930 หรือยุคที่สหรัฐฯ เผชิญกับ the Great Depression
อนาคตปัญหาสังคมผู้สูงอายุในสหรัฐฯ
ผู้อำนวยการหน่วยงาน Economic Innovation Group นายจอห์น เลทเทียรี่ ชี้ว่า ปัญหาสังคมผู้สูงอายุและการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลจะเกิดในอนาคต เพราะ ขณะนี้ สหรัฐฯ มีประชากรอายุเกิน 80 ปี มากกว่า ประชากรวัยเยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ
การเปลี่ยนถิ่นฐานของคนในประเทศกับผลกระทบด้านการเมือง
นอกจากนี้ ผลสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุดได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการเปลี่ยนถิ่นฐานของชาวอเมริกันจากฝั่งตะวันออกของประเทศไปยังทางตอนใต้และฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ซึ่งบริเวณดังกล่าว มีการเจริญเติบโตของเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เพราะเหตุนี้ รัฐฟลอริดา มอนแทนา นอร์ธแคโรไลนา โคโลราโด และ โอเรกอน จึงมีจำนวนส.ส.ในสภาเพิ่มขึ้นถึงรัฐละ 1 ที่ ส่วนรัฐเท็กซัสนั้นมีผู้แทนเพิ่มขึ้นถึง 2 ที่เลยทีเดียว สำหรับรัฐนิวยอร์กและเพนซิลเวเนีย เสียที่นั่งไปอย่างรัฐละ 1 ที่ และรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ อย่างแคลิฟอร์มีการขยายตัวของประชากรไม่เท่าครั้งก่อนจึงเสียจำนวนสมาชิกผู้แทนในสภาไป 1 ที่
การจัดสรร ส.ส. ในสภา ไม่ให้เกินจำนวน 435 ของที่นั่งทั้งหมดจะถูกแบ่งโดยจำนวนประชากรในรัฐต่างๆ ซึ่งหากรัฐไหนมีประชากรเยอะ ก็จะมีสิทธิได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาเพิ่ม ส่วนรัฐที่มีประชากรลดลงก็จะเสียจำนวนของที่นั่งไป
หากมองลึกลงไป การขยายตัวของประชากรในรัฐข้างต้นโดยภาพรวมน่าจะเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้พรรครีพับลิกันมีเสียงในสภาล่างมากขึ้น เพราะกระบวนการแบ่งแขตการเลือกตั้งจะถูกทำขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับยอดของประชากรในแต่ละรัฐในยุคปัจจุบัน
ผู้อำนวยการด้านการจัดเขตเพื่อพรรครีพับลิกัน นาย อดัม คินแคลด แสดงความมั่นใจผ่านสำนักข่าว AP ว่า “พรรครีพับลิกันมีแนวโน้วดีในการกลับมาครอง (เสียงข้างมาก) ในสภาล่างในปี 2022”
ทั้งนี้ US Census Bureau จะเผยรายละเอียดฉบับเต็มของสำมะโนประชากรในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข่าวดีไปซะทีเดียวสำหรับพรรครีพับลิกัน เพราะประชากรในรัฐดังกล่าวมีอายุไม่พอที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งและบางส่วนก็เป็นชนผิวสีที่มักจะลงคะแนนเสียงใหักับพรรคคู่แข่งอย่างเดโมแครตแทนอีกด้วย
การนับจำนวนประชากรผู้อพยพที่มีเชื้อสายฮิสแปนิกและลาติน
เมื่อปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบันทึกคำสั่งห้าม US Census Bureau นับผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีเชื้อสายฮิสแปนิกและลาติน ในทางทฤษฎีนั้น ข้อมูลสำมะโนประชากรที่มีกลุ่มคนผิวขาวเยอะจะเอื้อประโยชน์ให้พรรครีพับลิเพราะบุคคลกลุ่มนี้เป็นฐานสนับสนุนหลักของพรรคดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักประชากรศาตร์บางส่วนได้แสดงความแปลกใจกับสำนักข่าว AP เพราะคาดว่าคำสั่งห้ามนี้น่าจะทำให้พรรครีพับลิกันได้ที่ในสภาล่างมากกว่านี้ โดยเฉพาะจากรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และ แอริโซนา ที่มีผู้อพยพอยู่อย่างหนาแน่น
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นชี้ถึงความตกหล่นในการนับจำนวนคนเชื้อสายฮิสเเปนิก ความยากลำบากในการสำรวจช่วงโควิด-19 และ ความกังวลกับคำถามเกี่ยวกับสถานะการพำนักในสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยามใส่ไปในแบบสำรวจ แต่ไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ ประธานของกลุ่ม National Association of Latino Elected and Appointed Officials นาย โทมัส ซาแนส บอกว่า ในตอนนี้ เขายังไม่กังวลกับการนับจำนวนชาวลาตินโนที่อาจจะมีโอกาสตกหล่น และ ชี้ว่าที่รัฐนิวยอร์กไม่เสียที่ในสภาล่างไปมากกว่านี้ก็เพราะการขยายตัวของชาวเชื้อสายฮิสเเปนิกในรัฐดังกล่าว
(เรียบเรียงโดย จณิน ภักดีธรรม)