ผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลรัสเซียจะร่วมประชุมในเดือนมกราคม เพื่อหารือเรื่องความตึงเครียดบริเวณพรมแดนยูเครน และความต้องการของรัสเซียที่ขอให้องค์การนาโต้ยุติการขยายกำลังเข้าไปในประเทศทางยุโรปตะวันออกที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีข่าว RT ของรัสเซียในวันพุธว่า รัสเซียไม่ต้องการให้เกิดสงครามหรือการเผชิญหน้า แต่ก็ต้องการรับรองความมั่นคงปลอดภัยด้วยการใช้ทุกแนวทางที่มีอยู่เช่นกัน
คำกล่าวของรัฐมนตรีลาฟรอฟมีขึ้นในขณะที่บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย ก๊าซพรอม (Gazprom) ยังคงจำกัดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังส่วนต่าง ๆ ของยุโรป นำไปสู่การกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังใช้การส่งออกพลังงานเป็นอาวุธทางการเมือง
รมต.ลาฟรอฟ กล่าวด้วยว่า รัสเซียจะจัดประชุมร่วมกับผู้แทนขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ (NATO) เพื่อหารือเรื่องความตึงเครียดในแถบยุโรปตะวันออกด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียได้ส่งร่างสนธิสัญญา "รับประกันด้านความมั่นคง" ให้แก่สหรัฐฯ ซึ่งรัสเซียเรียกร้องให้ยุติการเพิ่มกำลังทางทหารขององค์การนาโต้และพันธมิตรของนาโต้ในประเทศทางยุโรปตะวันออกที่ยังไม่มีทหารของนาโต้เข้าไปประจำการก่อนปี ค.ศ. 1997 รวมถึง โปแลนด์ ฮังการี สาธารณรัฐเชก และประเทศแถบทะเลบอลติก ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และประเทศทางตะวันตกต่างหวั่นเกรงว่า รัสเซียจะกระทำการเหมือนเมื่อปี ค.ศ. 2014 คือการควบรวมแคว้นไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย รวมทั้งการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธให้ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของแคว้นดอนบาสส์ในภาคตะวันออกของยูเครน
โดยทำเนียบขาวเชื่อว่า ขณะนี้มีเวลาอีกเพียง 4 สัปดาห์ในการยับยั้งรัสเซียไม่ให้บุกรุกภาคตะวันออกของยูเครน
เมื่อวันอังคาร ปธน.ปูติน กล่าวกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองทัพรัสเซียในกรุงมอสโกว่า หากนาโต้ยังไม่หยุด "พฤติกรรมที่ก้าวร้าว" ในยูเครน รัสเซียจะตอบโต้ด้วยการใช้กำลังทหารเช่นกัน
ในขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรนาโต้ต่างต้องการเข้าสู่กระบวนการเจรจากับรัสเซีย บรรดานักการทูตชาติตะวันตกต่างเตือนว่า ข้อเสนอล่าสุดของรัสเซียนั้นไม่สามารถยอมรับได้ โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แคเรน ดอนฟรีด กล่าวว่า การเจรจาจะประสบผลสำเร็จก็ต่อเมื่อรัสเซียลดกำลังทหารที่ประจำการตามแนวพรมแดนติดกับยูเครนเสียก่อน
คำกล่าวของ รมต.ต่างประเทศของรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ในวันพุธ มีขึ้นหลังจากที่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า ใช้การขนส่งพลังงานเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกดดันประเทศในยุโรป
การที่รัสเซียจำกัดปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ส่งให้แก่ยุโรปผ่านทางท่อขนส่งพลังงานยามาล-ยุโรป ได้ทำให้ราคาก๊าซในยุโรปพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ปริมาณก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปลดลงจากระดับเมื่อปี ค.ศ. 2019 เกือบ 25%
ทางบริษัทก๊าซพรอมของทางการรัสเซียได้ออกมาแก้ต่างว่า การระงับการส่งออกก๊าซธรรมชาติเป็นมาตรการที่จำเป็นเนื่องจากปริมาณความต้องการก๊าซในรัสเซียเพิ่มขึ้นมากในฤดูหนาว ประกอบกับอากาศที่เย็นจัดในปีนี้