องค์การสหประชาชาติร้องขอให้นานาประเทศร่วมบริจาคเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ได้ถึง 35,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยชีวิตผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลกในปีหน้า ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโคโรนาไวรัสทำให้ภาวะความยากจนรุนแรงขึ้นไปทั่ว
อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ กล่าวในวันอังคารว่า ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ สภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง และวิกฤตโควิด-19 นำมาซึ่งความท้าทายต่อภารกิจด้านมนุษยธรรมรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มา
กูเทอเรซ ยังเรียกร้องให้ประเทศผู้บริจาคทั้งหลายเพิ่มบทบาทของตนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภาวะความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย
รายงานของยูเอ็น ระบุว่า ความต้องการของเม็ดเงินบริจาคในปีหน้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้เดือดร้อนทั่วโลกพุ่งขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์จากปีนี้ ขึ้นไปเป็นประมาณ 235 ล้านคน หรือ 1 คนต่อประชากรโลกทุกๆ 33 คน
ในส่วนของวิกฤตโควิด-19 นั้น ข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ชี้ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่มากกว่า 63 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 1.5 ล้านคน ขณะที่ประชาชนหลายสิบล้านคนต้องว่างงานและประสบปัญหาการใช้ชีวิตที่ยากขึ้นเพราะมาตรการล็อคดาวน์ต่างๆ
มาร์ค โลว์ค็อค หัวหน้าส่วนงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น กล่าวว่า ตัวเชื้อโรคนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำร้ายผู้คนในประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหลายมากที่สุด แต่กลับเป็นประเด็นผลกระทบทางเศรษฐกิจต่างหากที่ส่งผลรุนแรงอย่างมาก เพราะทำให้ราคาอาหารพุ่งสูง รายได้ตกต่ำ เงินช่วยเหลือลดลง โครงการฉีดวัคซีนต่างๆ หยุดชะงัก และโรงเรียนทั้งหลายต้องหยุดการเรียนการสอน ซึ่งล้วนทำให้ประชาชนผู้ที่อยู่ในข่ายเป็นคนจนที่สุดในประเทศที่ยากจนมากๆ เดือดร้อนไปทั่ว
โลว์ค็อค ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990 มา ที่โลกจะได้เห็นภาวะยากจนรุนแรงเพิ่มขึ้น จนอาจทำให้ความพยายามแก้ปัญหาต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้จางหายไปด้วย
