เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยรายงานการตรวจสอบที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียและกลุ่มที่เกี่ยวข้องทำการนำตัวพลเมืองชาวยูเครนเข้าสู่ “กระบวนการกรอง” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีการล่วงล้ำรุกรานต่อบุคคล และเรียกร้องให้มอสโกเปิดทางให้เข้าพบชาวยูเครนเหล่านั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วย
อิลเซ แบรนด์ส เคห์ริส ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันพุธว่า สำนักงานของเธอได้รวบรวมเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับ “กระบวนการกรอง” โดยกองทัพรัสเซียและกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียและพบว่า ทั้งหมดได้ทำการตรวจค้นร่างกายของพลเมืองยูเครนอย่างละเอียด โดยบางครั้งถึงขั้นบังคับให้ผู้ถูกตรวจเปลื้องผ้าจนหมด และยังมีการสอบปากคำอย่างละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว สายสัมพันธ์ในครอบครัว มุมมองด้านการเมืองและความจงรักภักดีต่อบุคคลที่รัสเซียมีความกังวลใจอยู่
เคห์ริส ระบุด้วยว่า “พวกเขา(ทหารรัสเซียและกลุ่มติดอาวุธ) ตรวจสอบของใช้ส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งรวมถึง อุปกรณ์มือถือทั้งหลาย และรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล รูปถ่ายและลายนิ้วมือด้วย
นอกจากนั้น เคห์ริส กล่าวว่า สำนักงานสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นมีรายละเอียดของกรณีที่พลเมืองยูเครนที่ถูกมองว่ามีความสัมพันธ์กับกองทัพยูเครน หรือสถาบันรัฐต่าง ๆ หรือมีมุมมองสนับสนุนยูเครนหรือต่อต้านรัสเซีย ถูกควบคุมตัว ทรมาน หรือทำให้เป็นคนสาบสูญไป ขณะที่ บางคนถูกย้ายไปยังทัณฑนิคมอื่น ๆ
ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนยังแสดงสะท้อนความกังวลใจของยูเครนและชาติตะวันตกทั้งหลาย เกี่ยวกับการที่รัสเซียบังคับย้ายถิ่นฐานของเด็ก ๆ ชาวยูเครนไปยังรัสเซียหรือดินแดนปกครองอื่น ๆ ของตน ด้วยการอนุมัติสัญชาติรัสเซียให้โดยไม่สนใจผู้ปกครองตัวจริง และจับเด็กเหล่านั้นไปส่งให้ครอบครัวชาวรัสเซียอุปการะรับเลี้ยงต่อไป
ขณะเดียวกัน คริสตินา ฮาโยวีชิน อุปทูตยูเครน แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นกล่าวว่า รัสเซียได้บังคับชาวยูเครนเกือบ 2.5 ล้านคนซึ่งรวมถึงเด็กหลายพันคนจากที่อยู่อาศัยทางภาคใต้และภาคตะวันออกของยูเครนให้ย้ายไปอยู่ที่รัสเซีย โดยเวลานี้ มีประชาชนยูเครนเพียง 16,000 คนที่เดินทางกลับประเทศมาได้
ในเรื่องนี้ วาสสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซีย ปฏิเสธคำกล่าวที่ว่านี้ทันทีและระบุว่า คำกล่าวอ้างนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือนของยูเครนและชาติตะวันตก
- ที่มา: วีโอเอ