กองกำลังยูเครนและรัสเซียสู้รบกันในเช้าวันเสาร์ ท่ามกลางเสียงระเบิดและเสียงปืน โดยต่างฝ่ายต่างมุ่งหมายที่จะควบคุมกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ขณะที่เจ้าหน้าที่เมืองเคียฟได้ประกาศเคอร์ฟิวโดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 17.00 น. ถึง 8.00 น.
ทางการยูเครนได้ขอให้ประชาชนช่วยต่อสู้ป้องกันเมืองหลวงของประเทศจากการบุกรุกของรัสเซีย หลังจากที่ก่อนหน้านั้นทหารของรัสเซียได้โจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของยูเครน แต่กองทัพยูเครนกล่าวว่ากำลังพลของยูเครนสามารถต้านทานเอาไว้ได้
อาคารสูงแห่งหนึ่งในเมืองเคียฟถูกโจมตีเช่นกันในเช้าวันเสาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครนกล่าวว่าอาคารดังกล่าวถูกโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธของรัสเซีย เจ้าหน้าที่กู้ภัยผู้หนึ่งบอกกับสำนักข่าว Associated Press ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คนจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธดังกล่าว ภาพวีดีโอแสดงให้เห็นว่าอาคารสูงแห่งนั้นได้รับความเสียหายอย่างมากในด้านบนของตัวอาคาร
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้เคยคาดการณ์ไว้ว่าการบุกโจมตีนครหลวงของประเทศจะเข้มข้นมากขึ้นในวันเสาร์ โดยกล่าวว่า “เคียฟต้องการการใส่ใจเป็นพิเศษ เราจะสูญเสียเมืองหลวงไม่ได้”
ประธานาธิบดีเซเลนสกียังโพสท์ผ่านทวิตเตอร์ในวันเสาร์อีกด้วยว่าเขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาคร็อง ของฝรั่งเศส และเสริมว่า อาวุธยุทโธปกรณ์จากพันธมิตรของยูเครนกำลังเดินทางมา และพันธมิตรต่อต้านสงครามก็กำลังทำงานประสานกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และประเทศตะวันตกรายงานในวันศุกร์ว่าการเคลื่อนพลของกองกำลังรัสเซียเข้าสู่เคียฟและเมืองหลักอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน “ตัดหัว” รัฐบาลยูเครนนั้น ดูเหมือนว่าจะแผ่วลงไป ขณะที่ทั้งรัสเซียและประเทศตะวันตกต่างเพิ่มปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสารเพื่อให้สามารถติดตามการสู้รบภาคพื้นดิน
เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ซึ่งให้ข้อมูลนักข่าวโดยที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตน กล่าวว่ากองกำลังของรัสเซียได้ถล่มยูเครนด้วยขีปนาวุธและขีปนาวุธร่อนกว่า 200 ลูกตั้งแต่ได้เริ่มรุกรานยูเครน โดยขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีกองทัพของยูเครน
เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่ารัสเซียต้องเผชิญกับการต่อต้านจากยูเครนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเสริมว่ารัสเซียยังไม่สามารถแสดงให้เห็นว่ามีความเหนือกว่าในการโจมตีทางอากาศ ถึงแม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบทางทัพอากาศมากกว่าและได้พยายามจะทำลายการป้องกันตนเองทางอากาศของยูเครนก็ตาม นอกจากนี้เขาได้ยังกล่าวว่ายูเครนยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ในกรุงเคียฟ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้พยายามปลุกเร้าจิตใจชาวยูเครน และปฏิเสธข่าวลือต่าง ๆ ว่าตนได้หนีออกจากนครหลวงไปแล้ว โดยยืนยันว่าตนและเจ้าหน้าที่รัฐบาล “ยังอยู่ที่นี่กันหมด เพื่อปกป้องอิสรภาพและประเทศของเรา”
ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอนเนสตี อินเตอร์แนชันแนล (Amnesty International) ชี้ว่ารัสเซียอาจจะกำลังก่ออาชญากรรมสงครามจากการรุกรานยูเครน
ข้อมูลจากรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวในวันเสาร์ว่าทหารรัสเซียได้ยึดเมืองเมลิโทโพล (Melitopol) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนเอาไว้แล้ว เจ้าหน้าที่รัสเซียยังออกมาโต้ในวันศุกร์ว่า กองกำลังของรัสเซียสามารถทำการรุกคืบเข้าไป ในความพยายามที่รัสเซียเรียกว่าเป็นการ “กำจัดการคุกคามของผู้ก่อการร้าย”
นายพลอิกอร์ โคนาเชนคอฟของรัสเซีย กล่าวในการโพสท์ทางโซเชียลมีเดียวว่า กองกำลังรัสเซียได้ทำให้สิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ทางทหารของยูเครน รวมทั้งสถานีเรดาร์ใช้การไม่ได้กว่า 200 แห่ง และได้ทำลายเครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์ และยานพาหนะทางทหารของยูเครนหลายลำ
รัสเซียยังได้กล่าวในวันศุกร์อีกว่า กองทัพได้เข้าควบคุมสนามบินฮอสโตเมล (Hostomel) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟเอาไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่ายังไม่สามารถยืนยันการกล่าวอ้างของรัสเซียได้ทันที แต่ทางการยูเครนยอมรับว่ามีการสู้รบอย่างหนักหน่วงที่สนามบินดังกล่าว
ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มประเทศตะวันตกจะออกมาชื่นชมกองกำลังของยูเครนนการต้านทานรัสเซีย แต่พวกเขาต่างระบุว่าสถานการณ์ยังไม่แน่นอนและอาจจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะประมาณสองในสามของกองกำลัง 190,000 นายของรัสเซียที่ประจำอยู่ที่พรมแดนของยูเครนยังไม่ได้เข้าร่วมรบ
พวกเขายังเตือนด้วยว่ารัสเซียพยายามจะใช้การบิดเบือนข้อมูลและข้อมูลที่ผิดในการสร้างความคลุมเครือให้สถานการณ์ และเพื่อทำให้ทหารยูเครนหวาดกลัวและยอมแพ้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้หนึ่งกล่าวในวันศุกร์ว่า สหรัฐฯ มีข้อมูลว่ารัสเซียวางแผนที่จะขู่ฆ่าสมาชิกครอบครัวของทหารยูเครนถ้าทหารยูเครนไม่ยอมแพ้
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี กล่าววว่าสหรัฐฯ ยังคงหาทางที่จะช่วยยูเครนป้องกันตนเอง ในขณะที่ในวันศุกร์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนคิดเป็นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์
ในวันศุกร์ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ (NATO) กล่าวว่าจะคอยสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพยูเครน และเตือนรัสเซียว่านาโตได้ใช้มาตรการที่ไม่เคยใช้มาก่อนเพื่อรองรับความปลอดภัยและมั่นคงของประเทศสมาชิกของนาโต้
เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สโตลเทนเบิร์กบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมว่านาโต้ได้เคลื่อน กองกำลังพลตอบโต้ของนาโต้ หรือ NATO Response Force ทั้งทางบก ทะเล และอากาศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับนาโต้ และเพื่อตอบโต้อย่างรวดเร็วหากมีอะไรเกิดขึ้น
ด้านเจ้าหน้าที่โปแลนด์กล่าวว่ามีผู้คนอย่างน้อย 100,000 คนจากยูเครนที่ข้ามพรมแดนประเทศเข้ามา ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติรายงานว่าขณะนี้มีชาวยูเครนกว่า 150,000 คนที่หนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ข้อมูลจากวีโอเอ และรอยเตอร์