ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า ยูเครนกำลังพยายามสร้างเสถียรภาพในเขตปกครองคาร์คิฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หลังจากที่โจมตีตอบโต้ทหารรัสเซียจนถอยร่นออกไป พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากประชาคมโลกเพื่อเสริมกำลังในสมรภูมิดังกล่าว
ปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า "ความรวดเร็วในการสร้างเสถียรภาพบนพื้นที่ที่ได้รับการปลดปล่อยจากรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับความรวดเร็วในการเคลื่อนกำลังทหารและการฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ที่ยึดคืนมาได้ ตลอดจนความรวดเร็วของการสนับสนุนจากพันธมิตร" และว่า "อัตราความเร็วของการส่งความช่วยเหลือควรสัมพันธ์กับอัตราความเร็วในการเคลื่อนกำลังของยูเครน"
การยึดครองพื้นที่คืนจากรัสเซีย โดยเฉพาะที่เขตคาร์คิฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้กองทัพยูเครนเชื่อว่า หากได้รับความสนับสนุนเพิ่มเติมด้านอาวุธจากชาติพันธมิตร ทหารยูเครนจะสามารถเอาชนะทหารรัสเซียในสมรภูมิได้
ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลสโลเวเนียประกาศส่งรถถัง 28 คันให้แก่ยูเครน ขณะที่เยอรมนีรับปากว่าจะส่งปืนใหญ่แบบฮาววิตเซอร์ให้อีก 4 กระบอก ขณะที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลิซ ทรัสส์ มีแถลงการณ์ในวันอังคารว่า ในปีหน้า อังกฤษจะจัดส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ ให้แก่ยูเครนในมูลค่าที่เท่าเทียมหรือมากกว่าความช่วยเหลือมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์ที่ให้ไปแล้วในปีนี้ ตามรายงานของเอพี
เวลานี้ บรรดาผู้นำโลกกำลังเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือ UNGA ณ นครนิวยอร์ก ซึ่งทางสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า นายกฯ ทรัสส์ จะใช้โอกาสนี้ในการรับรองหน้าที่ความรับผิดชอบที่อังกฤษมีต่อยูเครนในการรักษาอธิปไตยเหนือดินแดน ตลอดจนการกระตุ้นความพยายามของทั่วโลกในการยับยั้งรัสเซียไม่ให้ได้ประโยชน์จากากรส่งออกพลังงาน พร้อมไปการลดการพึ่งพาพลังงานของรัสเซียด้วย
ทั้งนี้ ปธน.เซเลนสกีมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมใหญ่ของยูเอ็นผ่านทางวิดีโอในวันพุธนี้
สถานการณ์ในสนามรบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีรายงานว่า ทหารรัสเซียได้ละทิ้งรถหุ้มเกราะและอาวุธต่าง ๆ จำนวนมากเพื่อหนีเอาชีวิตรอด ซึ่งทางทหารยูเครนได้ยึดอาวุธเหล่านั้นแล้วนำกลับมาใช้ในสมรภูมิอีกครั้ง
The Institute for the Study of War สถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตัน รายงานว่า ทหารยูเครนได้นำรถถัง T-72 หลายคันที่ทหารรัสเซียทิ้งไว้กลับมาใช้ใหม่ในการต่อสู้ที่เขตปกครองลูฮันสก์
ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร สภาผู้แทนราษฎรรัสเซียผ่านร่างกฎหมายเพิ่มการลงโทษต่อทหารรัสเซียที่หนีทัพ ยอมแพ้ หรือปล้นสดมภ์ รวมทั้งการลงมติเพื่อเพิ่มการจำคุกทหารที่ปฏิเสธไม่ยอมต่อสู้เป็น 10 ปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพยายามล่าสุดของรัสเซียในการกระตุ้นกำลังใจในการต่อสู้ของเหล่าทหารที่รบอยู่ในยูเครน
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์