ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ เตือนในวันอาทิตย์ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างไรต่อการถอยร่นในสมรภูมิทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ในขณะที่อังกฤษเตือนว่า กองทัพรัสเซียได้เพิ่มการโจมตีใส่เครือข่ายสาธารณูปโภคของพลเรือนยูเครน และอาจขยายการโจมตีมากขึ้น
เจ้าหน้าที่ทหารยูเครนกล่าวว่า กองทัพยูเครนได้ตอบโต้และขับไล่การโจมตีของรัสเซียในหลายพื้นที่ของเขตปกครองคาร์คิฟทางภาคตะวันออก เคอร์ซอนทางภาคใต้ รวมทั้งบางส่วนของเขตปกครองดอแนตสก์
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เตือนว่า การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และเรายังไม่อาจนอนข่มตาหลับได้ แต่ต้องเตรียมต่อสู้ในสมรภูมิต่อไปจนกว่ายูเครนจะเป็นอิสระ
มีรายงานประชาชนเสียชีวิต 5 คน จากการโจมตีของรัสเซียในดอแนตสก์ทางภาคตะวันออกในช่วงหนึ่งวันที่ผ่านมา และที่เมืองนิโคโพลทางตะวันตกของยูเครน มีรายงานว่ามีการโจมตีใส่อาคารหลายแห่ง รวมทั้งท่อส่งก๊าซและสายไฟฟ้า
กระทรวงกลาโหมอังกฤษ เปิดเผยรายงานข่าวกรองว่า รัสเซียได้เพิ่มการโจมตีใส่เครือข่ายสาธารณูปโภคของพลเรือนยูเครน รวมทั้งโครงข่ายเสาไฟฟ้าและเขื่อนแห่งหนึ่ง เพื่อข่มขวัญประชาชนและรัฐบาลกรุงเคียฟ
เมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน บอกปัดการโจมตีตอบโต้ของยูเครน พร้อมยืนยันว่ารัสเซียจะโหมโจมตีมากยิ่งขึ้นหากว่าทหารรัสเซียถูกกดดันอย่างหนักจากยูเครน
คำกล่าวของผู้นำรัสเซียทำให้เกิดการกังวลว่า ในที่สุด ปูตินอาจสั่งการให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธเคมีในสงครามยูเครนครั้งนี้ได้
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า มีการพบสิ่งที่เป็นเหมือน “ศูนย์ทรมาน” อย่างน้อย 10 แห่งในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศที่กองกำลังกรุงเคียฟสามารถยึดคืนมาได้จากรัสเซีย โดยคำกล่าวอ้างนี้มีออกมาหลังมีการค้นพบสุสานหมู่ที่มีศพฝังอยู่ราว 450 ศพใกล้ ๆ กับเมืองอิซยุม
องค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า ต้องการส่งทีมไปสืบสวนกรณีสุสานหมู่ที่เพิ่งตรวจพบนี้ และเพื่อประเมินสาเหตุของการเสียชีวิตของคนเหล่านั้น
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ซึ่งเดินทางไปเยือนพื้นที่เมืองที่ยึดคืนมาได้เมื่อวันพุธ กล่าวว่า พวกรัสเซียนั้นเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รายหนึ่งกล่าวว่า เหยื่อที่พบในสุสานหมู่นั้นถูกสังหารด้วยการปืนหรือจากการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ ขณะที่ ยูเครนและกลุ่มพันธมิตรยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียเป็นผู้ลงมือก่ออาชญากรรมทั้งหมดที่นั่น แต่รัสเซียออกมาปฏิเสธว่า กองกำลังของตนไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีไปยังพลเรือนและไม่ได้ก่ออาชญากรรมใด ๆ ทั้งสิ้น
- ที่มา: รอยเตอร์