เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า มีการพบสิ่งที่เป็นเหมือน “ศูนย์ทรมาน” อย่างน้อย 10 แห่งในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศที่กองกำลังกรุงเคียฟสามารถยึดคืนมาได้จากรัสเซีย โดยคำกล่าวอ้างนี้มีออกมาหลังมีการค้นพบสุสานหมู่ที่มีศพฝังอยู่ราว 450 ศพใกล้ ๆ กับเมืองอิซยุม
มิไคโล โพโดลยัก ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า “นี่คือหนึ่งในสุสานหมู่ที่มีการค้นพบใกล้เมืองอิซยุม” และว่า “ในพื้นที่ที่ถูก(รัสเซีย)ยึดครองไว้ มีเหตุสยอง เหตุรุนแรง และเหตุฆาตกรรมหมู่ไปทั่ว เป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว”
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า ต้องการส่งทีมไปสืบสวนกรณีสุสานหมู่ที่เพิ่งตรวจพบนี้ และเพื่อประเมินสาเหตุของการเสียชีวิตของคนเหล่านั้น
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ซึ่งเดินทางไปเยือนพื้นที่เมืองที่ยึดคืนมาได้เมื่อวันพุธ กล่าวว่า พวกรัสเซียนั้นเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ปธน.เซเลนสกี ระบุในการแถลงผ่านวิดีโอเมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีว่า “รัสเซียได้ทิ้งความตายไว้เบื้องหลังทุกที่ และต้องรับผิดชอบ(ต่อทุกอย่าง)”
เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รายหนึ่งกล่าวว่า เหยื่อที่พบในสุสานหมู่นั้นถูกสังหารด้วยการปืนหรือจากการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ ขณะที่ ยูเครนและกลุ่มพันธมิตรยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียเป็นผู้ลงมือก่ออาชญากรรมทั้งหมดที่นั่น แต่รัสเซียออกมาปฏิเสธว่า กองกำลังของตนไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีไปยังพลเรือนและไม่ได้ก่ออาชญากรรมใด ๆ ทั้งสิ้น
พันธมิตรรัสเซียเริ่มแสดงความกังวล
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แจ้งต่อปธน.ปูติน ในวันศุกร์ว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของสงคราม
ขณะที่ ผู้นำรัสเซียยืนยันว่า รัสเซียไม่ได้ถูกโดดเดี่ยว เนื่องจากมอสโกยังมีสายสัมพันธ์กับอินเดียและจีน นายกฯ โมดี ออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดเจนระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอด Shanghai Cooperation Organization ที่อุซเบกิสถาน เกี่ยวกับความกังวลต่อปฏิบัติการของรัสเซียในยูเครน
รายงานข่าวระบุว่า ผู้นำอินเดียแจ้งต่อปธน.ปูติน ว่า “ผมรู้ดีว่า ยุคสมัยปัจจุบันนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของสงคราม และผมได้แจ้งต่อท่านทางโทรศัพท์เกี่ยวกับประเด็นนี้แล้ว”
ทางฝ่ายผู้นำรัสเซีย ซึ่งเม้มปากขณะฟังนายกฯ อินเดียปราศรัยอยู่ กล่าวว่า มอสโกนั้นกำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ความขัดแย้งครั้งนี้ยุติลงให้ได้ พร้อมระบุว่า “ผมเข้าใจจุดยืนของท่านเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ... ความขัดแย้งที่ท่านกล่าวถึงเสมอ”
เมื่อวันพฤหัสบดี ปธน.ปูติน เอ่ยปากว่า ตนเข้าใจถึงความกังวลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน และแสดงความชื่นชมต่อผู้นำจีนต่อ บทบาทที่ “มีสมดุล” บนความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
การสู้รบยังดำเนินต่อไป
ขณะเดียวกัน มีรายงานการโจมตีที่พุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนฝ่ายรัสเซียในพื้นที่เมืองลูแกนสก์ของยูเครนที่กองทัพมอสโกยึดครองไว้อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นซึ่งหนุนรัสเซียเปิดเผยว่า การโจมตีที่ดำเนินอยู่ได้ทำให้อัยการสูงสุดและรองอัยการของรัฐบาลกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเสียชีวิตลง
นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ของกลุ่มสนับสนุนมอสโกที่ถูกสังหารไปในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ในเมืองท่า เบอร์เดียนสก์ ทางภาคใต้ของยูเครนด้วย
ส่วนสถานการณ์สู้รบในแคว้นเคอร์ซอนทางใต้ของประเทศนั้น รายงานข่าวเปิดเผยว่า มีการยกระดับการโจมตีใส่กัน โดยกองทัพยูเครนอ้างว่า สามารถยึดคืนพื้นที่กลับมาได้เพิ่มในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาด้วย ขณะที่ เจ้าหน้าที่ที่ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลมอสโกในแคว้นซาปอริห์เชีย กล่าวว่า กองกำลังยูเครนได้โจมตีอาคารรัฐบาลเมืองเคอร์ซอน จนมีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 1 ราย
ทั้งนี้ รัฐบาลกรุงเคียฟเปิดเผยว่า กองทัพสามารถยึดคืนอาณาเขตในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศที่รัสเซียยึดครองไปก่อนหน้านี้ กลับมาได้แล้วกว่า 7,800 ตารางกิโลเมตร นับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนเป็นต้นมา
อย่างไรก็ดี เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การนาโต้ ให้ความเห็นว่า แม้การรุกกลับของยูเครนนั้นจะมีประสิทธิภาพอยู่มาก สถานการณ์นี้ยังไม่ได้ส่งสัญญาณว่าสงครามที่ดำเนินมาหลายเดือนนี้ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้วแต่อย่างใด พร้อมเตือนทุกประเทศให้เตรียมตัวและใจที่จะรับมือกับเรื่องนี้ไปอีกนานด้วย
ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวระหว่างการร่วมประชุมกลุ่มจี-7 (G7) ที่กรุงเบอร์ลินในวันศุกร์ว่า ยูเครนต้องได้ชัยชนะเหนือรัสเซีย พร้อมกล่าวเสริมว่า รัสเซียต้องรับผิดและรับชอบต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วย
ความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์เพิ่มเติมให้กับยูเครน โดยนี่ถือเป็นการส่งความช่วยเหลือครั้งที่ 21 จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ในรูปของอาวุธยุทโธปกรณ์ ตามข้อมูลจากทำเนียบขาว
ปธน.ไบเดน ใช้อำนาจตามกฎหมาย Presidential Drawdown Authority ซึ่งเปิดทางให้ประธานาธิบดีลงนามอนุมัติการเคลื่อนย้ายอาวุธที่มีเหลือใช้งานออกจากคลังของสหรัฐฯ ได้
และแม้เอกสารดังกล่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดของการใช้เงิน สำนักข่าวเอพี รายงานว่า งบดังกล่าวรวมความถึงการส่งมอบกระสุนและยุทโธปกรณ์แบบที่เคยช่วยกองกำลังยูเครนเอาชนะฝ่ายรัสเซียในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้มาแล้ว
นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา สหรัฐฯ ส่งมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงเป็นมูลค่าถึง 15,100 ล้านดอลลารให้รัฐบาลกรุงเคียฟไปแล้ว
และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คณะกรรมการของสำนักงานพลังงานประมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ภายใต้องค์การสหประชาชาติ มีมติเรียกร้องให้รัสเซีย “ยุติปฏิบัติการทุกอย่างต่อ และที่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริห์เชียและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อื่น ๆ ในยูเครน” แล้ว ตามรายงานของสื่อ Radio Free Europe/Radio Liberty ซึ่งอยู่ภายใต้หน่วยงาน US Agency for Global Media เช่นเดียวกับ วีโอเอ
มติที่ว่านี้ยังระบุว่า การมีกองกำลังทหารเข้ายึดครองโรงงานดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงของอุบัติเหตุด้านนิวเคลียร์อย่างมาก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อประชากรของยูเครน รัฐข้างเคียงและประชาคมโลกด้วย
แต่ผู้แทนของรัสเซียประจำ IAEA ระบุว่า “จุดอ่อนของมตินี้คือ” การที่ มตินี้ไม่ได้มีการพูดถึงการยิงถล่มโรงงานนี้อย่างเป็นระบบเลย
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์