การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียในช่วงข้ามคืน สร้างความเสียหายกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในแคว้นซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ตามการเปิดเผยของทางการกรุงเคียฟในวันอังคาร
กองทัพอากาศยูเครน เผยว่าได้ยิงโดรนรัสเซีย 34 ลำจาก 51 ลำตกไปในวันอังคาร ทั้งที่แคว้นซูมี คาร์คิฟ เคอร์ซอน มิโคลาอิฟ และโพลตาวา และเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พื้นที่ดังกล่าวไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุในวันอังคารว่า ได้ยิงโดรน 15 ลำของยูเครนตกในแคว้นบรีแยนสก์ แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้เสียชีวิต และโดรนอีกลำหนึ่งมุ่งโจมตีแคว้นเคิร์สก
โฆษกรัฐบาลทำเนียบเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า รัสเซียเดินหน้าขยายกำลังพลของกองทัพ เนื่องจาก “ภัยคุกคาม” บริเวณพรมแดน และว่า “เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรอย่างยิ่งบริเวณชายแดนตะวันตกและความไม่มั่นคงในชายแดนตะวันออกของเรา สิ่งนี้ต้องการมาตรการที่เหมาะสมมาบังคับใช้”
เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกคำสั่งให้เพิ่มจำนวนทหารของกองทัพอีก 180,000 คน ซึ่งจะทำให้รัสเซียมีทหารทั้งสิ้น 1.5 ล้านนาย โดยปธน.ปูตินมีคำสั่งเพิ่มกำลังทหารเช่นนี้ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน
ท่าทีดังกล่าวของผู้นำรัสเซีย มีขึ้นในช่วงที่กองทัพมอสโกพยายามขับไล่กองทัพยูเครนที่บุกเข้าไปในแคว้นเคิร์สกเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อวันจันทร์ กองทัพรัสเซียเผยว่าได้ยึดคืน 2 หมู่บ้านในแคว้นเคิร์สกกลับมาได้
ในวันเดียวกันนี้ ยูเครนได้เรียกร้องให้สหประชาชาติและคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross – ICRC) ส่งทีมเข้าไปในแคว้นเคิร์สกที่อยู่ในการควบคุมของยูเครนเพื่อประเมินสถานการณ์ที่นั่น ซึ่งรัสเซียออกมาตอบโต้ทันที โดยกล่าวว่าการกระทำของยูเครน คือ “การยั่วยุ”
ขณะที่สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของเลขาธิการใหญ่ยูเอ็น อันโตนิโอ กูเทอเรซ กล่าวที่นิวยอร์กว่า ยูเอ็น “พร้อมที่จะทำเช่นนั้น” แต่จำเป็นจะต้องได้รับการอนุญาตจากรัสเซียเพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว
- มีเนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์ เอพี และเอเอฟพี
กระดานความเห็น