ยูเครนเดินหน้าส่งออกธัญพืชเพื่อช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลก แม้รัสเซียจะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว แม้สหภาพยุโรป (อียู) จะเรียกร้องให้มอสโกเปลี่ยนใจไปแล้วก็ตาม
รัฐบาลยูเครนส่งธัญพืชจำนวน 354,500 ตันด้วยเรือ 12 ลำออกจากท่าเรือต่าง ๆ ตามชายฝั่งทะเลดำในวันจันทร์ โดยปริมาณส่งออกครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการดำเนินการโครงการส่งออกนี้ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าช่วยนำส่งสินค้าที่ค้างอยู่ในคลังมาสักพักเพราะการหยุดชะงักของกระบวนการส่งออกได้หมดแล้ว
อามีร์ อับดุลเลาะห์ เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติที่รับหน้าที่ประสานงานทวีตข้อความออกมาว่า “เรือขนส่งสินค้าของพลเรือนไม่ควรจะต้องตกเป็นเป้าการโจมตีทางทหารหรือถูกจับเป็นตัวประกัน ... โครงการอาหารต้องเดินหน้าต่อไป”
อย่างไรก็ตาม บริษัท Lloyd’s of London ผู้ให้ประกันการขนส่งอาหารภายใต้โครงการนี้ขอระงับการประกันสำหรับการขนส่งเที่ยวใหม่ ๆ ที่แล่นผ่านเส้นทางระเบียงทะเลดำยูเครนไว้ก่อนแล้ว
ทั้งนี้ ยูเครน ตุรกี และองค์การสหประชาชาติทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันให้การส่งออกธัญพืชเดินหน้าต่อไปได้ในวันจันทร์ โดยองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า ข้อตกลงร่วมในเรื่องนี้มีแผนส่งเรือทั้งหมด 16 ลำผ่านระเบียงมนุษยธรรมทางน่านน้ำ ซึ่งรวมถึง 12 ลำที่เพิ่งออกจากท่าเรือในยูเครนและมุ่งหน้าไปยังนครอิสตันบูล ของตุรกี เพื่อการตรวจสอบ
ประธานาธิบดีเรจิบ เทยิบ เออโดวาน แห่งตุรกี กล่าวในวันจันทร์ว่า รัฐบาลกรุงอังการามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าดำเนินโครงการส่งออกธัญพืชต่อไป แม้รัสเซียจะแสดงความลังเลที่จะร่วมมือก็ตาม
เมื่อวันเสาร์ รัฐบาลมอสโก ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงทะเลดำ ซึ่งมีผลให้ตัดช่องทางการส่งธัญพืชจากยูเครน หนึ่งในผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกทันที โดยรัสเซียกล่าวว่า เป็นการตอบโต้สิ่งที่เรียกว่าการโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ของยูเครนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ใกล้กับบริเวณท่าเรือเซวาสโทโพล ในไครเมีย
นับตั้งแต่มีการริเริ่มโครงการส่งออกธัญพืชภายใต้ข้อตกลงระหว่างยูเครนและรัสเซียเมื่อเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ยูเครนส่งออกธัญพืชและสินค้าอาหารอื่น ๆ รวมกันแล้วกว่า 9.5 ล้านตัน เพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะขาดแคลนข้าวสาลีในตลาดโลกอันเป็นผลมาจากสงครามยูเครนที่ดำเนินมากว่า 8 เดือนแล้ว เนื่องจากประเทศคู่กรณีทั้งสองต่างเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
- ที่มา: วีโอเอ