ยูเครนกล่าวอ้างในวันจันทร์ว่า สามารถยึดหมู่บ้านหลายแห่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือคืนจากรัสเซียได้แล้ว และยังขับไล่ทหารรัสเซียจนถอยร่นประชิดชายแดนของสองประเทศ
ผู้นำยูเครนกล่าวแสดงความยินดีต่อความคืบหน้าล่าสุดในเขตปกครองคาร์คิฟที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้แจ้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้ถอนทหารเพื่อจัดกำลังทัพใหม่ในเขตปกครองดอแนตสก์
โอเลห์ ไซนิอีฮูบอย ผู้ว่าการเขตปกครองคาร์คิฟ กล่าวว่า "ในบางพื้นที่ของแนวหน้า ทหารยูเครนสามารถรุกไล่ศัตรูได้จนถึงพรมแดนติดกับรัสเซีย" โดยทหารรัสเซียต้องถอยร่นอย่างโกลาหล
ผู้บัญชาการกองทัพยูเครนระบุว่า ทหารยูเครนสามารถยึดหมู่บ้านคืนมาได้มากกว่า 20 แห่งในหนึ่งวัน ขณะที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษรายงานว่า ช่วงไม่กี่วันมานี้ กองทัพยูเครนสามารถยึดดินแดนกลับคืนมาได้อย่างน้อยเท่ากับอาณาเขตของกรุงลอนดอน
เมื่อวันอาทิตย์ พลเอกวาเลรี ซาลุชนี ผู้บัญชาการทหารบกยูเครน กล่าวว่า ทหารยูเครนยึดคืนพื้นที่ราว 3,000 ตารางกิโลเมตรมาจากกองทัพรัสเซียได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายน ขณะที่กองทัพยูเครนอยู่ประชิดในระยะเพียง 50 กิโลเมตรจากพรมแดนรัสเซียแล้ว
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า สงครามยูเครนจะยืดเยื้อไปจนถึงปีค.ศ. 2023 แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนระบุว่า ยูเครนกำลังเป็นฝ่ายกลับมาได้เปรียบในสงคราม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการใช้อาวุธโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล HIMARS ที่ได้รับการสนับสนุนขากชาติตะวันตก และการวางยุทธศาสตร์การรบที่ได้ผล
ที่คาร์คิฟ เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่า ไฟฟ้าและน้ำประปาที่ถูกทหารรัสเซียตัดขาดในช่วงที่ผ่านมาได้รับการซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้แล้วราว 80% ของพื้นที่ทั้งหมดในคาร์คิฟ
เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี โพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า "ยังคิดว่าจะสามารถข่มขู่ ทำลาย หรือบังคับให้พวกเรายอมจำนนได้อีกหรือ? สำหรับพวกเราแล้ว ความหนาวเย็น ความหิวโหย และกระหาย ยังไม่น่ากลัวและเป็นอันตรายต่อชีวิตเท่ากับ 'ความเป็นมิตร' และ 'ความเป็นพี่น้อง' เสียอีก"
และว่า "เราจะอยู่ได้ด้วยก๊าซ แสงสว่าง น้ำและอาหาร ... และจะต้องไม่มีพวกคุณ!"
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากสงครามยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยทางสำนักงานประธานาธิบดียูเครนระบุว่า มีพลเมืองเสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 4 คน บาดเจ็บอีก 11 คน จากการโจมตีของรัสเซียในพื้นที่ 9 แห่งทั่วประเทศ
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี