ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุในแถลงการณ์ประจำวันว่า ได้หารือหลากประเด็นกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เดินทางเยือนยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี โดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า รวมทั้งแสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ สำหรับการสนับสนุนต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการรุกรานของรัสเซียด้วย
ปธน.เซเลนสกี เปิดเผยด้วยว่า หนึ่งในหัวข้อที่มีการหารือกับ แอนโทนี บลิงคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็คือ การประกาศให้รัสเซียเป็น ‘รัฐก่อการร้าย’ โดยระบุในแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำของคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า “ความเป็นจริงทางกฎหมายนั้นต้องสอดรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงเสมอ และความเป็นจริงก็คือว่า รัสเซียได้กลายมาเป็นแหล่งต้นตอของการก่อการร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกแล้ว” และว่า “โลกต้องได้รับรู้ถึงสัญญาณอันชัดเจนว่า การก่อการร้ายของรัสเซียจะไม่ได้รับการให้อภัย”
นอกจากนั้น ผู้นำยูเครนยังระบุด้วยว่า “พื้นที่กว่าหนึ่งพันตารางกิโลเมตรของอาณาเขตของเรา ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กันยายน” และว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณทุกคนที่ทำให้เรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ รู้สึกขอบคุณกองทัพ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง และหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่าง ๆ ที่ทำให้ธงยูเครนได้โบกสะบัดขึ้นอีกในเวลานี้”
ขณะเดียวกัน รมต.บลิงคน กล่าวในแถลงการณ์หลังการประชุมกับปธน.เซเลนสกีว่า “นักรบผู้กล้าที่ปกป้องยูเครนอยู่แถวหน้ายังคงต่อสู้ด้วยความกล้าหาญเพื่อเสรีภาพของประเทศตน” และยังยืนยันความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะให้การสนับสนุนยูเครน “ตราบเท่าที่จะต้องเป็นไป” ด้วย
รายงานข่าวจากทีมข่าวที่ติดตามรมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บลิงเคน “เดินทางเข้าไปในทำเนียบบริหารประธานาธิบดีที่มีการเสริมกำลังป้องกันอย่างแข็งแกร่ง ผ่านโถงทางเดินมืด ๆ มากมายที่มีกระสอบทรายปิดกั้นตามหน้าต่างเต็มไปหมด จนมาถึงห้องสีขาวที่ประดับประดาด้วยทองและโคมระย้าในที่สุด”
ปธน.เซเลนสกี ยังได้แสดงความขอบคุณต่อ “แรงสนับสนุนมหาศาล” ที่สหรัฐฯ ส่งให้ยูเครน และกล่าวสรรเสริญปธน.ไบเดนและสภาคองเกรสที่ช่วยให้ยูเครน “ได้นำอาณาเขตและผืนดินของเรากลับมา”
ในการเยือนยูเครนคราวนี้ รมต.บลิงเคน ประกาศนำส่งความช่วยเหลือระยะยาวมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์ “เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับยูเครนและประเทศเพื่อนบ้านอีก 18 ประเทศ ซึ่งหลายแห่งเป็นพันธมิตรของนาโต้ รวมทั้งหุ้นส่วนด้านความมั่นคงที่มีความเสี่ยงจะเผชิญกับการรุกรานของรัสเซียในอนาคตด้วย”
แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดด้วยว่า หากความช่วยเหลือก้อนนี้ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้ว งบราว 1,000 ล้านดอลลาร์จากทั้งหมด 2,200 ล้านดอลลาร์จะถูกนำส่งให้ยูเครน ขณะที่ งบที่เหลือจะแบ่งไปให้ แอลเบเนีย บอสเนีย บัลแกเรีย โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เอสโตเนีย จอร์เจีย กรีซ โคโซโว ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา มอนเตเนโกร มาเซโดเนียเหนือ โปแลนด์ โรมาเนีย สโลวะเกียและสโลวีเนีย
ส่วนที่นิวยอร์กนั้น รัสเซียขอให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาติเปิดประชุมเพื่อที่จะวิพากษ์วิจารณ์ชาติตะวันตกที่นำส่งความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน เพื่อจุดประสงค์ที่ผู้แทนมอสโกระบุว่าเป็น การทำสงครามตัวแทน
วาสสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า “นาโต้นั้นกำกับให้เคียฟเดินเข้าสู่การทำสงคราม” และว่า การที่หวังว่าอาวุธของชาติตะวันตกจะทำให้ยูเครนได้ชัยชนะในสนามรบนั้นเป็นเพียง “จินตนาการล้ม ๆ แล้ง” และ “อาวุธใหม่ ๆ จะไม่เปลี่ยนสมดุลของขุมพลัง และมีแต่จะยืดระยะเวลาแห่งความเจ็บปวดของรัฐบาลเซเลนสกีออกไปอีกเท่านั้น”
ทูตริชาร์ด มิลส์ ของสหรัฐฯ โต้กลับว่า กรุงมอสโกนั้นช่างกล้านักที่จะออกมาแนะประเทศต่าง ๆ หลีกทางให้รัสเซียหาทางทำลายรัฐสมาชิกของสหประชาชาติ โดยระบุว่า “สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประชาชนชาวยูเครนที่ทำการปกป้องชีวิต เสรีภาพและประชาธิปไตยของตน (และ)เราจะไม่หลบซ่อนการสนับสนุนในเรื่องนี้”
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี