ลิ้งค์เชื่อมต่อ

‘ทรัมป์’ กุมชัยไม่ผิดโผ - ‘เฮลีย์’ ได้เสียงเกินคาดในเลือกตั้งขั้นต้นนิวแฮมป์เชอร์


แฟ้มภาพ - อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างหาเสียง ที่นิวแฮมป์เชอร์ เมื่อ 17 ม.ค. 2024 (เอพี)
แฟ้มภาพ - อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างหาเสียง ที่นิวแฮมป์เชอร์ เมื่อ 17 ม.ค. 2024 (เอพี)

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กุมชัยในศึกเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐนิวแฮมป์เชอร์อย่างไม่ผิดโผ ขณะที่นิกกี เฮลีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาธ์ แคโรไลนา ประกาศจะยืนหยัดเพื่อชิงตั๋วเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อไป หลังจากได้เสียงสนับสนุนในนิวแฮมป์เชอร์มากกว่าที่นักวิเคราะห์การเมืองคาดการณ์

ผลการเลือกตั้งขั้นต้นในรัฐนิวแฮมป์เชอร์เมื่อวันอังคาร พบว่า ทรัมป์ ได้เสียงสนับสนุน 54% ขณะที่เฮลีย์ได้ไป 45% หลังจากการนับคะแนนดำเนินไป 56% ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับทรัมป์ในการประกาศชัยชนะในรัฐนี้

นี่ถือเป็นชัยชนะของทรัมป์ในรัฐที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากทรัมป์คว้าชัยในศึกเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐไอโอวา และเพิ่มโอกาสของเขาสำหรับนัดล้างตากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้

ฝั่งเฮลีย์ ได้กล่าวกับผู้สนับสนุนของเธอเมื่อค่ำวันอังคาร แสดงความยินดีกับทรัมป์ในการคว้าชัยที่รัฐนิวแฮมป์เชอร์ และแม้ว่าทรัมป์จะเคยกล่าวว่าศึกนี้จะสิ้นสุดลงในการเลือกตั้งขั้นต้นเมื่อวันอังคาร แต่เฮลีย์ประกาศย้ำว่าจะสู้ต่อไป โดยกล่าวว่า “ศึกนี้ยังไกลกว่าจะถือว่าสิ้นสุด” และว่า “ยังมีอีกหลายสิบรัฐที่ต้องไปต่อ และจุดหมายต่อไปคือเซาธ์ แคโรไลนา”

ด้านทรัมป์ กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า เฮลีย์ “มีค่ำคืนที่เลวร้าย” และว่าเฮลีย์ดูจะชื่นมื่นเกินไปในคำกล่าวของเธอเมื่อค่ำคืนวันอังคาร

ทีมหาเสียงของเฮลีย์ระบุว่าเธอจะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ต่อไปจนถึงวันซูเปอร์ทิวส์เดย์ 5 มีนาคมนี้ ที่ 16 รัฐทั่วอเมริกาจะมีการเลือกตั้งในวันเดียวกัน

ทั้งนี้ เซาธ์ แคโรไลนา คือ สนามการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่ต้องจับตา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ขณะที่จะมีการประกาศตัวแทนพรรครีพับลิกันที่จะลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการที่การประชุมใหญ่ของพรรคในเดือนกรกฎาคม ส่วนพรรคเดโมแครตจะมีการประชุมใหญ่ในเดือนสิงหาคม

ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะทราบอย่างเป็นทางการว่า ใครคือตัวเเทนพรรคเดโมเเครตและรีพับลิกัน ที่จะลงเเข่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือ ตัวเก็งที่แทบทุกคนต่างพูดถึงว่าจะได้มา 'รีเเมตช์' กัน

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต่างมีประเด็นท้าทายเกี่ยวกับอายุและคดีความทางกฎหมาย โดยในเรื่องอายุ โจ ไบเดนอยู่ในวัย 81 ปี ขณะที่ทรัมป์อายุ 77 ปี ในส่วนของคดีความ ทรัมป์ เผชิญกับข้อหาที่มีโทษหนัก 91 ข้อหา ซึ่งอย่างน้อยหนึ่งในจำนวนดังกล่าวน่าจะเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีปีนี้ ซึ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนทรัมป์ราว 15% ระบุว่าตนจะไม่เลือกทรัมป์หากถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีใด ๆ ก็ตาม

  • มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG