ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันพุธว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ ได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่ง และว่า ก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศเข้าใกล้กับความเสี่ยงที่จะเกิดสงคราม แต่ตอนนี้ความตึงเครียดได้ลดลง และความสัมพันธ์ได้ดีขึ้นอย่างมาก อย่างน้อยก็ในมุมมองของตน
คำกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่เกาหลีเหนือเพิ่งตกลงที่จะปิดการทำงานของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูที่เมืองยองเบียง รวมทั้งปิดสถานที่ทดสอบด้านนิวเคลียร์ ตงชาง-รี และยินยอมให้ผู้ตรวจสอบระหว่างประเทศเข้าไปสังเกตการณ์กระบวนการยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ดังกล่าว ภายใต้เงื่อนไขว่าสหรัฐฯ ต้องมีมาตรการความร่วมมือบางอย่างเช่นกัน
ข้อตกลงล่าสุดมีขึ้นระหว่างการหารือสุดยอระหว่างผู้นำคิม จอง อึน ของเกาหลีเหนือ กับประธานาธิบดี มูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ในวันพุธ ที่กรุงเปียงยาง
ในการประชุมวันที่สองระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้มีการลงนามใน "คำประกาศกรุงเปียงยางเดือนกันยายน " และข้อตกลงด้านการทหารอีกหนึ่งฉบับ เพื่อลดความตึงเครียดทางทหารระหว่างสองประเทศ
สำหรับ "คำประกาศกรุงเปียงยางเดือนกันยายน" ครอบคลุมในหลายประเด็น ตั้งแต่การพัฒนาความร่วมมือทางการทหาร เศรษฐกิจ และการนำครอบครัวที่แยกจากกันในช่วงสงครามเกาหลีให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์
ผู้นำคิมกล่าวกับผู้สื่อข่าวร่วมกับประธานาธิบดีมูนหลังการประชุมในวันพุธว่า "ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นดินแดนแห่งสันติ ซึ่งปลอดอาวุธนิวเคลียร์"
โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นทั้งในเรื่องของการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี นอกจากนี้ ยังเป็นการพิสูจน์บทบาทของประธานาธิบดีมูน ในการความเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้เกิดการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนืออีกครั้ง
ผู้นำเกาหลีทั้งสองยังระบุด้วยว่า คิม จอง อึน จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้เขาสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกที่เยือนเกาหลีใต้ นับตั้งแต่สองประเทศแยกออกจากกันในช่วงสงครามเกาหลีเมื่อเกือบ 70 ปีก่อน