ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในวันอาทิตย์ว่า การที่เกาหลีเหลือจัดพิธีสวนสนามโดยที่ไม่มีจรวดขีปนาวุธแบบยิงข้ามทวีป หรือ ICBM ร่วมขบวนด้วยนั้น ถือเป็น "สัญญาณด้านบวกที่ยิ่งใหญ่"
ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความว่า "ขอบคุณประธานคิม" หลังจากเกาหลีเหนือจัดพิธีสวนสนามในวันอาทิตย์ ในโอกาสครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ
ทวีตของผู้นำสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า "เราทั้งคู่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนคิดผิด!" ซึ่งเชื่อว่า ปธน.ทรัมป์ โยงไปถึงการเจรจาที่ชะงักงันเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และว่า "ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเจรจาของคนสองคนที่ชื่นชอบกันและกัน! และดีกว่าช่วงก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง"
พิธีสวนสนามของเกาหลีเหนือในครั้งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีทั้งรถถัง เครื่องยิงจรวด และจรวดขีปนาวุธหลายชนิด ถูกนำมาเข้าร่วมในการเดินขบวน แต่สิ่งที่หายไปคือ ขีปนาวุธแบบโจมตีข้ามทวีป ซึ่งเกาหลีเหนือเคยขู่ว่าสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์เพื่อยิงโจมตีได้ถึงดินแดนในการปกครองของสหรัฐฯ
ปธน.ทรัมป์ กล่าวถึงพิธีสวนสนามของกรุงเปียงยางในครั้งนี้ว่า "ดำเนินไปอย่างสันติและมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ" และได้อ้างคำพูดจากสื่อแนวอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ คือ Fox News ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อว่าเกาหลีเหนือไม่นำขีปนาวุธแบบโจมตีข้ามทวีปมาร่วมในพิธีนี้ เพราะต้องการแสดงให้ผู้นำสหรัฐฯ เห็นถึงความตั้งใจที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม ผู้นำ คิม จอง อึน ที่นั่งเป็นประธานในการสวนสนามครั้งนี้ด้วยนั้น มิได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชนดังที่มักปฏิบัติอยู่เป็นประจำแต่อย่างใด
การสวนสนามในกรุงเปียงยางครั้งล่าสุด มีขึ้นในช่วงที่เกาหลีเหนือกำลังอยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ หลังจากที่ผู้นำคิมเพิ่งพบเจรจากับ ปธน.ทรัมป์ ที่สิงคโปร์ เมื่อสองเดือนก่อน โดยผู้นำคิมรับปากกับทรัมป์ว่าจะยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ แต่มิได้มีข้อตกลงอย่างชัดเจนว่าจะยกเลิกเมื่อไรและอย่างไร
การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ของกรุงเปียงยางประสบภาวะชะงักงันในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ นำไปสู่คำสั่งของ ปธน.ทรัมป์ ให้ยกเลิกกำหนดการเยือนเกาหลีเหนือของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ
ทั้งผู้นำคิม และ ปธน.ทรัมป์ ต่างต้องการให้มีการทำข้อตกลงให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการเจรจารอบต่อไประหว่างทั้งสองประเทศ โดยรัฐบาลวอชิงตันต้องการให้เกาหลีเหนือแสดงความชัดเจนถึงภาระผูกพันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่เกาหลีเหนือเองก็ต้องการการรับประกันด้านความมั่นคงปลอดภัยและเงื่อนไขอื่นๆ ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ดังกล่าว
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำคิมได้ออกมาระบุว่า เกาหลีเหนือจะทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ภายในปี ค.ศ. 2021 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของประธานาธิบดีทรัมป์