ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในวันจันทร์ว่า ตนยังไม่พอใจต่อสิ่งที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียตอบสนองในกรณีการสังหารนายจามาล คาชอกกี (Jamal Khashoggi) นักข่าวของ Washington Post
ปธน.ทรัมป์ กล่าวด้วยว่า ตนไม่ต้องการสูญเสียการลงทุนจากซาอุฯ แต่ก็จะสืบสวนหาความจริงในเรื่องนี้ และว่า ตนได้เจรจากับมกุฎราชกุมารซาอุฯ แล้ว และทางการสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับทั้งซาอุฯ และตุรกี เพื่อสืบสวนคดีนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ ค่อนข้างสับสนในการตอบสนองต่อซาอุฯ เพราะทั้งเคยกล่าวสนับสนุนซาอุฯ ในฐานะพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ แต่ก็ขู่ว่าจะใช้มาตรการลงโทษต่อซาอุฯ ด้วย แม้จะไม่รวมการคว่ำบาตรการขายอาวุธให้กับซาอุฯ ก็ตาม
ด้านประธานาธิบดีตุรกี รีจิบ เทยิบ เออโดวัน (Recep Tayyip Erdogan) กล่าวว่า ทางการตุรกีจะเปิดเผยข้อมูลการสืบสวนในสาธารณชนทราบในวันอังคารนี้
นายจามาล คาชอกกี ผู้มีสัญชาติซาอุฯ และเป็นผู้วิจารณ์มกุฎราชกุมาร โมฮัมมัด บิน ซัลมาน ผ่านบทความของเขาในหนังสือพิมพ์ Washington Post หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำเมื่อกว่า 2 สัปดาห์ก่อน ที่สถานกงสุลซาอุฯ ในตุรกี เพื่อทำธุระด้านเอกสารเกี่ยวกับการแต่งงานของเขาเอง
นสพ. Wall Streets Journal รายงานว่า นายคาชอกกีถูกทุบตี วางยาและสังหารภายในสถานกงสุลนั้น ก่อนที่จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ
ซึ่งต่อมา ทางการซาอุฯ ยอมรับว่านายคาชอกกี ถูกสังหารจริงหลังจากมีปากเสียงกับบุคคลที่เขาพบภายในสถานกงสุลซาอุฯ ที่นครอิสตันบูล และว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชาวซาอุฯ 18 คน เพื่อสอบสวนความเกี่ยวโยงกับการสังหารนายคาชอกกีแล้ว
ขณะเดียวกัน นายแจเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ที่ปรึกษาทำเนียบขาว และบุตรเขยของ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับ CNN ว่า ตนได้ขอให้เจ้าชาย บิน ซัลมาน สร้างความโปร่งใสในการสืบสวนการเสียชีวิตของนายคาชอกกี และว่า ทั่วโลกกำลังจับตามองความน่าเชื่อถือของซาอุฯ จากเหตุการณ์นี้
รายงานข่าวระบุว่า ที่ผ่านมา นายคุชเนอร์ได้ผูกสัมพันธ์อันดีกับมกุฎราชกุมารซาอุฯ และยังเป็นผู้ที่ขอร้องให้ ปธน.ทรัมป์ อย่าวู่วามในเรื่องนี้จนกระทบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุฯ ด้วย