ซาอุดิอาระเบียโต้กลับคำขู่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่บอกว่าจะใช้มาตรการลงโทษต่อซาอุฯ จากกรณีการสังหารนักข่าวของหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ นายจามาล คาชอกกี (Jamal Kashoggi) ที่สถานทูตซาอุฯ ในนครอิสตันบูล ตุรกี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับสถานีข่าว CBS ว่าอาจมีการลงโทษอย่างรุนแรง หากผลการสืบสวนชี้ว่า รัฐบาลซาอุดิอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายจามาล คาชอกกี นักข่าวของหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ ที่หายตัวไปในสถานทูตซาอุฯ ในนครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
คำขู่ของผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ดัชนีหุ้นของซาอุฯ ร่วงดิ่งลงทันที 7% ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย
ด้านรัฐบาลกรุงริยาดห์ออกมาตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหานั้นไม่มีมูล และพร้อมจะตอบโต้ด้วยมาตรการลงโทษที่รุนแรงยิ่งกว่าต่อสหรัฐฯ
สำนักข่าว Saudi Press Agency ของทางการซาอุฯ รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กรุงริยาดห์ผู้หนึ่งว่า รัฐบาลซาอุฯ ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกอย่าง ตลอดจนคำขู่และการกดดันทางการเมืองจากประเทศอื่น และว่าในฐานะที่เป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด และมีบทบาทความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลก รัฐบาลซาอุฯ พร้อมที่จะตอบโต้การกระทำใดๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อซาอุฯ อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น
ในการให้สัมภาษณ์กับ CBS ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายคาชอกกี แต่หากพบว่ามกุฎราชกุมารซาอุฯ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลทาน เป็นผู้ทรงสั่งการสังหารนายคาชอกกีจริง ตนจะโกรธมาก
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า มาตรการลงโทษนั้นจะไม่มีผลต่อการขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับซาอุฯ เพราะนั่นจะสร้างผลเสียต่อการจ้างงานในอเมริกา
ด้าน ส.ว.อเมริกัน มาร์โค รูบิโอ กล่าวกับ CNN ในวันอาทิตย์ว่า หากทางการซาอุฯ สั่งการสังหารนายคาชอกกีจริง นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่ และการตอบสนองต่อเรื่องนี้ไม่ควรแค่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ แต่ต้องเป็นไปอย่างเข้มแข็ง ซึ่งรวมถึงการยกเลิกข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับรัฐบาลกรุงริยาดห์ด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะกระทบต่อภาพพจน์ของอเมริกาบนเวทีโลกได้
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว รัฐบาลกรุงริยาดห์ของซาอุดิอาระเบีย มีแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ ยอมรับว่า นายจามาล คาชอกกี ถูกสังหารจริงในสถานกงสุลของซาอุฯ ที่ประเทศตุรกี และว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชาวซาอุฯ 18 คน เพื่อสอบสวนความเกี่ยวโยงกับการสังหารนายคาชอกกีแล้ว
ทางการซาอุฯ กล่าวด้วยว่า นักข่าวผู้นี้ถูกสังหารหลังจากมีปากเสียงกับบุคคลที่เขาพบ ภายในสถานกงสุลซาอุฯ ที่นครอิสตันบูล
นายจามาล คาชอกกี ผู้มีสัญชาติซาอุฯ เป็นผู้วิจารณ์มกุฎราชกุมาร โมฮัมมัด บิน ซัลมาน ผ่านบทความของเขาในหนังสือพิมพ์ Washington Post
ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เป็นหลัก เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตน อย่างไรก็ตาม เขาหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำเมื่อกว่า 2 สัปดาห์ก่อน ระหว่างที่เขาเดินทางเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในตุรกี เพื่อทำธุระด้านเอกสารเกี่ยวกับการแต่งงานของเขาเอง
นสพ. Wall Streets Journal รายงานว่า นายคาชอกกีถูกทุบตี วางยาและสังหารภายในสถานกงสุลนั้น ก่อนที่จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า นายคาชอกกีได้บันทึกเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสถานกงสุลไว้ในนาฬิกา Apple Watch ของเขาเอง ก่อนที่จะส่งเข้าสู่ iCloud ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือของเขาซึ่งถูกฝากไว้กับคู่หมั้นก่อนที่เขาจะเข้าไปในสถานกงสุลแห่งนั้น
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากผู้สื่อข่าว Ken Bredemeier)